Intermediate Archives - Page 3 of 8 - Learn Thai from a White Guy

LTfaWG Talks: Furbies

This is a medium length Thai reading exercise about Furbies which were very popular when this was originally written.  Audio is included and click the google doc to see the vocabulary.

[2013 Entry]I’ve picked up some more part-time helpers to work on a new series which I’m going to call “LTfaWG Talks” unless somebody has a better idea.  Anyways, I whip and berate the speakers in the hopes that I can get them to talk about a particular topic for a few minutes at a time.  If the talk works out, I’ll include the transcript as well. Today’s speaker tells us why she doesn’t like Furby or his crew.  Please send along topic requests and I’ll see if any of my minions can pull it off.

This first talk is about 6 and a half minutes so expect to need to listen to it a few times to get the gist if there is a lot of new stuff in here for you.

Audio: The reason why i hate Furby

Reader: Gdoc

วันนี้นะคะก็อยากจะมาพูดถึงเหตุผลที่ไม่ชอบตุ๊กตาเฟอร์บี้นะคะ ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมกันนะคะในหมู่ดาราแล้วก็วัยรุ่นนะคะ และก็มีการถ่ายรูปกัน (แล้วก็) กับเฟอร์บี้นะคะ แล้วก็โชว์ทางโซเชียล เน็ตเวิร์คนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊คหรืออินสตาแกรมนะคะ ก็ถือว่าช่วงนี้ก็สามารถเห็นเฟอร์บี้ได้ใน(จาก)หลายๆแห่งเลยนะคะ อาจจะไม่อยากดูแต่ก็ต้องดูนะคะ ก็อยากจะมาพูดให้ฟังว่าทำไม เหตุผลอะไรที่ดิฉันจะไม่ซื้อเฟอร์บี้มาเป็นของดิฉันเด็ดขาดนะคะ

ข้อแรกนะคะที่สำคัญที่สุดก็คือตัวเฟอร์บี้เป็นสัตว์ที่อยู่เหมือนเกมลินเกินไปค่ะ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆรู้จักเกมลินหรือเปล่าคะ ซึ่งในหนังเรื่องเกมลินเนี่ย (เมื่อโดน) เอ่อ สัตว์ตัวนี้เมื่อโดนน้ำหรือว่ากินอาหารหลังเที่ยงคืนเนี่ยมันก็จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดนะคะ ที่ดุร้ายนะคะ ก็ทำให้ตอนนั้นที่ดิฉันเป็นเด็ก ๆ ดูหนังเรื่องนี้ก็ค่อนข้างที่จะฝังใจ ค่อนข้างกลัวนะคะ แต่มีคนบอกว่าตัวเฟอร์บี้นี่อยู่เหมือนนกฮูกกับแฮมสเตอร์ผสมกันนะคะ (ก็) ก็ไม่เห็นว่ามันจะเหมือนนกฮูกตรงไหนนะคะหรือว่าเหมือนแฮมสเตอร์ตรงไหนนะคะ ออกจะหน้าตาน่าเกลียดประหลาดๆนะคะแล้วก็สีแปร๋นนะคะ สีนี่ยิ่งไม่ชอบใหญ่เลยนะคะ สีม่วงแปร๋น หรือว่าสีเขียว สีน้ำเงินนะคะ โอเคค่ะข้อที่สองแล้วกันนะคะ

ข้อที่สอง ราคามันแพงเกินไปนะคะสำหรับตุ๊กตาตัวนึง ถึงแม้ว่ามันจะมีคอมพิวเตอร์หรือไมโครชิพฝังอยู่ก็ตามนะคะ แต่การซื้อของเล่นของเล่นนึงที่ราคาสามพันหรือหกพันเนี่ย แล้วก็ค่อนข้างที่คิดว่ามันน่าจะเป็นแค่ตุ๊กตาตัวนึงอ่ะ ราคาตั้งสามพัน ตอนนี้หกพันเจ็ดพันแล้ว คิดว่ามันค่อนข้างที่จะแพงอ่ะคะ แล้วก็สมัยตอนที่อยู่ม.ต้นนะคะ ช่วงนั้นเนี่ยคนก็ฮิตเล่นสัตว์เลี้ยงอิเล็คโทรนิคเหมือนกัน ที่ชื่อว่าทามาก็อตจิ ช่วงนั้นเนี่ยนะคะเพื่อนของดิฉันเกือบทั้งห้องนะคะมีทามาก็อตจิทุกคน แต่ดิฉันไม่มีนะคะ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงจะต้องซื้อตัวละหลายร้อยบาทเพื่อที่จะมาใส่ในกระเป๋าแล้วต้องมานั่งกดทั้งวัน ๆ เพื่อที่จะ เหมือนกับการให้อาหารมันนะคะ ต้องเลี้ยงมันตั้งแต่ยังเป็นไข่ ฟักออกมาเป็นลูกไก่ ลูกทามาก็อตจิอะไรก็ตามนะคะ ซึ่งสมัยนั้นเนี่ยคนในห้องเรียนก็ไม่ค่อยได้เรียนหรอกค่ะ นั่งกดทามาก็อตจิทั้งวันนะคะ ก็คิดว่ามันไร้สาระมาก ไม่รู้ว่ามันสนุกตรงไหนนะคะ เอาเงินเนี่ยไปเลี้ยงข้าว(พ่อ)คุณพ่อคุณแม่ดีกว่านะคะ โอเคค่ะ

ข้อที่สาม ไม่ชอบเฟอร์บี้ที่มันพูดมากนะคะ ดูจากในรีวิวของเพื่อนนะคะ พูดไม่หยุด พูดทั้งวัน ไม่มีสวิตช์ปิด มีคนบอกว่า (ถ้ามัน) อยากให้มันนอน ก็เอาผ้าปิดหัวมันสิ มันจะได้เงียบ อะไรยังงี้ มันจะได้นอนนะคะ แต่มีอีกคนนึงมาบอกว่า อ๊าเฟอร์บี้นอนหลับแล้วกรน น่ารักจังเลย อ้าว ตกลงว่ายังไงเนี่ยคะ ตกลงว่า นอนก็กรน ตื่นก็บ่น ยังงี้หรอคะ แล้วเมื่อไหร่ที่มันจะเงียบละคะ อันนี้ก็ทำให้คิดว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารำคาญนะคะ เป็นของเล่นที่น่ารำคาญมาก มาก ๆ

ข้อที่สี่นะคะ เค้าบอกว่ามีแอพพลิเคชั่นสอนภาษาเฟอร์บี้ เพื่อที่จะให้สื่อสารเข้าใจกับเฟอร์บี้ได้นะคะ อันนี้ค่อนข้างที่จะปัญญาอ่อนนะคะ ไม่รู้ว่าคิดกันไปได้ยังไงนะคะ เรียนภาษาเฟอร์บี้ เอาไปทำอะไรคะภาษาเฟอร์บี้ คุณจะไปเที่ยวเฟอร์บี้แลนด์เหรอคะหรือว่าคุณจะย้ายไปอยู่ประเทศเฟอร์บี้ อันนี้นะคะถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกลับมาที่โลกมนุษย์แล้วนะคะก็อยู่ไปที่ประเทศเฟอร์บี้ คิดว่าน่าจะเอาเวลาที่เรียนภาษาเฟอร์บี้เนี่ยนะคะ มาเรียนภาษาอังกฤษดีกว่านะคะ เพื่อที่จะเอาไปใช้งานได้ด้วยนะคะในชีวิตจริง ในโลกของความเป็นจริงนะคะ ก็ค่อนข้างจะออกแนวเพ้อเจ้อค่ะ คนที่คิดภาษาเฟอร์บี้ขึ้นมาเนี่ยนะคะ

ข้อสุดท้ายคือข้อห้าที่ไม่ชอบเฟอร์บี้ เพราะการที่จะเล่นเฟอร์บี้ได้จะต้องมีแอพพลิเคชั่นสำหรับเล่นเฟอร์บี้ เพราะฉะนั้นต้องไปโหลดแอพมาอีกลงไปในเครื่องมือถือของคุณหรือไอแพดหรือไอพอดหรืออะไรก็ตามนะคะ ไม่ใช่ว่าซื้อตุ๊กตามาปุ๊บก็จะเล่นได้เลย ยังต้องไปซื้อมือถือหรือว่าอะไรก็ตามที่ (เป็น) สามารถใช้แอพ ดาวน์โหลดแอพมาเล่นกับตุ๊กตาเฟอร์บี้ได้อีกนะคะ

อันนี้คิดว่ามันค่อนข้างที่จะเป็นการแพงเกินไปแล้วก็เป็นการที่ยากลำบากเกินไปสำหรับการเล่นตุ๊กตาตัวนี้นะคะ ในความเห็นส่วนตัวเนี่ยที่คิดว่าตุ๊กตาเฟอร์บี้เนี่ย (มี) เป็นที่นิยมในตอนนี้ก็คือ(มันเหมือนกับ)มัน มันมีการตอบโต้กับเจ้าของได้ แล้วก็แสดงออกว่าดีใจได้ เสียใจได้ ก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวนึงนะคะ เพราะว่าคนในสมัยปัจจุบันเนี่ยก็ไม่ค่อยที่จะมีเวลาที่จะมีสัตว์เลี้ยงจริง ๆ สักหนึ่งตัว อาจจะทำงานหนักหรือว่าอาจจะไม่อยากมีความรับผิดชอบหรือว่าอะไรก็ตามนะคะ ก็ทำให้เฟอร์บี้ก็มาตอบโจทย์คนกลุ่มนี้นะคะ ที่อยากจะมีสัตว์เลี้ยงที่ตอบโต้เราแต่ว่าไม่จำเป็นต้องดูแลมันตลอดไปจนหลาย ๆ ปี อะไรยังงี้อ่ะค่ะ (ก็) ในอนาคตนี้ก็คิิดว่า หลังจากนี้นะคะก็ต้องมีบริษัทที่ทำตุ๊กตาเฟอร์บี้(คล้าย ๆ) อาจจะเป็นทำพวกตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงอิเล็คโทรนิคอย่างนี้ขึ้นมาอีกนะคะ แต่ว่าดิฉันก็คงไม่คิดที่จะอุดหนุนอีกอย่างแน่นอนค่ะ ขอบคุณค่ะ

Diary: Rafting in Mae Wan

This is a short reading exercise written by a native Thai speaker.  Here’s a vocab that you can look at as you try to go through the text.

Useful Grammar:
คนละ 100 บาท – 100 baht per person
ไม่สามารถ VERB ได้ – I can’t/am unable to do VERB
*Remember that ได้ before a verb just makes it past tense.  It needs to come after the verb to mean “can/cant.”

ล่องแพที่แม่วาน

 

เช้าวันนี้ฉันมีนัดเจอเพื่อนๆ ที่นิมานเหมินทร์ ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ซึ่งเรามีนัดไปล่องแพที่แม่วาน ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตของฉันเลยก็ว่าได้ ที่จะได้ไปล่องแพ พอเพื่อนๆ มาครบทุกคน พวกเราได้ตัดสินใจเช่ารถแดง เพื่อไปที่แม่วาน เพราะระยะทางค่อนข้างไกล และจำนวนเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันในวันนี้มีทั้งหมด 10 คน

พวกเราได้ใช้เวลาในการเดินทางสักพัก ก็มาถึงที่แม่วาน  ซึ่งช่วงนี้เป็นหน้าฝน ทำให้ปริมาณของน้ำมีค่อนข้างมาก พวกเราได้เดินตรงไปร้านแห่งหนึ่ง เพื่อสอบถามราคาเช่าแพ ว่าเท่าไร ซึ่งราคาก็ประมาณคนละ 100 บาท พวกเราได้เช่าแพ 3 ลำ ต่อจากนั้นพนักงานของร้านได้ขับรถนำพวกเราไปยังจุดเริ่มต้น หรือจุดปล่อยตัว ซึ่งไกลจากบริเวณร้านที่เช่าแพ ประมาณ 1-2 กิโลเมตร

พวกเราได้สวมใส่เสื้อชูชีพที่แจกให้ แต่บางคนก็ไม่ใส่ เพราะว่าสามารถว่ายน้ำได้ สำหรับฉันต้องใส่ เพราะว่ายน้ำไม่ได้ หลังออกจากจุดปล่อยตัว ฉันรู้สึกตื่นเต้น และชอบมาก เพราะสามารถเห็นต้นไม้ ที่ขึ้นอยู่สองข้างทางแม่น้ำ อย่างสวยงาม ระหว่างการล่องแพก็มีเพื่อนบางคนตกน้ำบ้าง เพราะบางช่วงของแม่น้ำกระแสของน้ำค่อนข้างแรง
ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงยังบริเวณข้างร้านเช่าแพ ซึ่งอยู่ติดกลับบริเวณแม่น้ำ ต่อจากนั้นพวกเราก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด เพื่อไปทานข้าว ซึ่งทุกคนหิวข้าวมาก
สำหรับการเดินทางไปเที่ยวแม่วานในครั้งนี้ ฉันรู้สึกสนุก และชอบมาก ถ้ามีโอกาส ฉันจะกลับไปเที่ยวอีกครั้ง

Diary: January 14th, 2013

This one is pretty easy.  If you have been reading the diary entries I’ve been posting in recent weeks, you should be getting really good at these.  She uses the same words over and over (like everybody) which makes it much more likely for you to remember those words.  Repeated exposure wins the game folks.

Here’s the google doc with the vocab.

วันที่ 14 มกราคม 2556

เมื่อคืนอากาศหนาวที่เชียงใหม่หนาวมาก ทำให้ช่วงเช้าของวันนี้ฉันขี้เกียจตื่นนอน แต่แมวของฉัน มันมาตรงที่หน้าประตูห้องนอน และส่งเสียงร้องดังมาก ทำให้ฉันต้องลุกจากที่นอน แล้วไปเปิดประตูให้มันเข้ามาในห้อง

เช้าวันนี้อากาศดีมาก พี่สาวของฉันกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว ฉันเดินไปชงกาแฟ หลังจากนั้นก็ไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เพื่อทำรายงานส่งอาจารย์ในวันพุธที่จะถึงนี้ พอฉันทำงานเสร็จ ก็ไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปช็อปปิ้ง ที่กาดสวนแก้ว และจ่ายค่าอินเตอร์เน็ต
วันนี้ฉันไปกาดสวนแก้วคนเดียว พอไปถึงที่นั้น ฉันก็รีบเดินตรงไปที่ศูนย์อาหาร เพราะหิวข้าวมาก ฉันได้สั่ง ข้าวมันไก่ และก๋วยเตี๋ยวต้มยำ หลังทานเสร็จฉันก็เดินไปจ่ายค่าอินเตอร์เน็ต ต่อจากนั้นก็เดินช็อปปิ้ง ฉันได้ซื้อรองเท้าผ้าใบ 1 คู่ และเสื้อกันหนาวสีขาว 1 ตัว
บ่าย 4 โมง ฉันได้ขับรถไปบ้านเพื่อน แถวรินคำ เพื่อไปยืมหนังสือมาทำรายงาน หลังจากนั้นฉันก็ขับรถกลับมาบ้าน ซึ่งวันนี้เป็นวันอาทิตย์รถบนท้องถนนไม่มาก ทำให้ฉันขับรถประมาณ 20 นาที ก็ถึงบ้านแล้ว
พอกลับมาถึงบ้านฉันก็ได้ซักผ้า และล้างจาน ต่อจากนั้นก็ไปอาบน้ำแปรงฟัน ดูทีวี ได้สักพัก ฉันก็รู้สึกง่วงนอน เลยเข้านอนทันที

Diary: Jan 4th, 2013

Here’s another long one.  You’ll find the gdoc with vocab here.  If you can’t read anything this long yet, then start with the first paragraph and go through it 2 or 3 times.  Then go through it again once tomorrow and the next day.  Focus on the words you don’t know.  If you don’t know most of them, focus on 2 or 3 that seem like they would be useful.  Useful meaning you might use them today or tomorrow.  ทบทวน for example, is not a high priority word if you aren’t in school.

Keep an eye out for one of the most useful sentence patterns of all time.

  • ไม่ค่อย ___ เท่าไร

4 มกราคม 2556

วันนี้เป็นวันศุกร์ ซึ่งปกติแล้ววันนี้จะเป็นวันหยุดเรียนของฉัน แต่วันนี้ฉันต้องตื่นตี 5 เพื่อทบทวนเนื้อหาบทเรียน เพราะมีสอบตอน 9 โมงเช้า ฉันรู้สึกขี้เกียจตื่นมาก เพราะการตื่นนอนในตอนเช้าในช่วงหน้าหนาว รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ทรมานมาก

ฉันสอบเสร็จตอน 10:30 น. ก็ขับรถไปหาชมพูที่บ้านของเธอ เพราะวันนี้เรามีนัดไปเที่ยวที่น้ำพุร้อนสันกำแพง พอฉันไปถึงบ้านชมพูได้สักพัก เหมียวกับเขียวหวานก็ตามมา เมื่อทุกคนมาครบ พวกเราก็ขับรถมุ่งหน้าไปสู่น้ำพุร้อนสันกำแพง ซึ่งต้องเสียค่าบำรุงคนละ 20 บาท ส่วนชาวต่างชาติคนละ 40 บาท ที่นี่เป็นแหล่งน้ำพุร้อนตามธรรมชาติ มีทั้งอ่างน้ำแร่ให้แช่ หรือจะเป็นตักอาบ นอกจากนั้นยังมีสระว่ายน้ำแร่อีกด้วย ซึ่งจะเสียค่าบัตรคนละ 50 บาท และค่าเช่าผ้าเช็ดตัวอีกคนละ 10 บาท


ฉันกับเพื่อนๆ เราได้เลือกสระว่ายน้ำแร่ ซึ่งอุณหภูมิในน้ำจะไม่ร้อนเท่าไร เมื่อเทียบกับอ่างแช่น้ำแร่ ฉันชอบสระว่ายน้ำแร่มากกว่า เพราะรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย ไม่ร้อนเกินไป สามารถอยู่ในสระน้ำได้นานกว่าการแช่น้ำแร่โดยตรง


หลังจากที่พวกเราได้อยู่ในสระน้ำ นาน พอสมควร ก็รู้สึกหิวข้าว พวกเราเลยออกจากสระน้ำ ต่อจากนั้นพวกเราได้ขับรถต่อไปที่รีสอร์ทรุ่งอรุณ เพื่อทานข้าว ซึ่งที่นี่ก็มีน้ำแร่ให้แช่  เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะเน้นลูกค้าเป็นกลุ่มทัวร์ หรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
พอพวกเราทานข้าวเสร็จ พวกเราก็เดินเที่ยวรอบๆ รีสอร์ท ซึ่งที่นี้มีเนื้อที่กว้างมาก และมีหนองน้ำ ขนาดใหญ่ พวกเราได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่จนตะวันตกดิน พวกเราจึงตัดสินใจขับรถกลับบ้าน ซึ่งสองข้างทางจะมืดมาก แต่วันนี้ไม่ค่อยหนาวสักเท่าไร เราใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็มาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ ฉันได้ไปแวะส่งชมพูที่บ้าน และก็กลับบ้านทันที

Diary: The Hobbit

Below is a review of the movie “The Hobbit” written in Thai for learners to practice reading real, short texts by native speakers.

[Dec 2012] I saw The Hobbit the other day and apparently, so did my assistant.  Just like before, give the text a go as is before clicking through to the google doc with the vocabulary.   The only way to get better is to challenge yourself.  While this entry may have a few words you don’t know, it shouldn’t be too tough.

Here’s the link to the gdoc.

วันที่ 15 ธันวาคม 2555
วันนี้เป็นวันเสาร์ ฉันตื่นนอนประมาณ 9:00 โมงเช้า หลังจากนั้นฉันก็ทำความสะอาดบ้าน และซักผ้า ต่อจากนั้นฉันก็อาบน้ำแต่งน้ำ ขับรถไปโรบินสัน เพื่อไปจองตั๋วหนังเรื่องฮอบบิทได้รอบ 6 โมงเย็น ในระบบ 3 มิติ 3 ที่นั่ง เพราะจะมีเพื่อนฉันอีกสองคนที่ไปดูหนังด้วยกัน
หลังจากนั้นฉันก็ไปร้านทำผม เพื่อไปสระผม เพราะร้านทำผม  เขาจะนวดศรีษะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ฉันชอบมาก หลังจากทำผมเสร็จก็ไปห้องสมุดที่มหาวิทยาลัย เพื่อไปยืมหนังสือ เพราะจะมีสอบในวันอังคารที่จะถึงนี้
เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ฉันได้นัดเจอเพื่อนๆ ที่โรบินสัน  เราได้กินข้าวกันก่อน เพราะความยาวของหนังประมาณสามชั่วโมงครึ่ง และเราก็ได้ซื้อป็อปคอนไว้ทานเล่นกันด้วย
พอถึงเวลาประมาณ 5:50 น. เราก็เดินเขาไปยังโรงหนัง ตรงด้านหน้าทางเขาโรงหนังทุกคนก็จะได้รับแว่นตา 3 มิติ มีเพื่อนฉันคนหนึ่งเขาใส่แว่นตาอยู่แล้ว และต้องใส่แว่นตาอีกอันหนึ่ง ฉันรู้สึกแปลกๆ ไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไร
หลังจากจบการฉายหนังเรื่องฮอบบิท ฉันรู้สึกชอบมาก ทั้งในการดำเนินเรื่อง และภาพต่างๆ ในแต่ละฉากที่สวยงาม  โดยเฉพาะการสวมแว่นตา 3 มิติ ทำให้การดูหนังรู้สึกสนุกมากขึ้น เสมือนว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของตัวหนัง และต่อจากนั้น เราก็ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน
พอมาถึงบ้านฉันก็อาบน้ำ ต่อจากนั้นก็ได้นั่งอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ และนั่งดูโทรทัศน์กับพี่สาวจนถึงเที่ยงคืน ฉันก็ต้องขอตัวไปเข้านอนก่อน เพราะง่วงนอนมาก