Reading Archives - Page 2 of 21 - Learn Thai from a White Guy

The Future of Shopping

Here’s some more Thai reading practice by a native speaker. IF you are still a newbie at reading, I recommend reading through at least twice and ignoring anything you don’t know and see how much you can figure out. After a couple of passes, go check out the google doc for the vocabulary and breakdown.

In this short Thai text, the writer tells us a quick story about how she wandered into a clothing store in Bangkok only to find that she can’t actually buy anything.

เมื่อวันก่อนเดินผ่านร้านขายเสื้อผ้าแล้วรู้สึกอยากได้กางเกงยีนส์ตัวใหม่
เดินเข้าไปในร้านได้ไม่นานก็เจอกางเกงตัวที่สวยถูกใจ พอได้ลองแล้วก็ชอบมาก เลยบอกพนักงานว่าจะเอาตัวนี้
พนักงานบอกว่าที่ร้านไม่มีของสำหรับขายเลย มีแต่ของสำหรับให้ลูกค้าลองเท่านั้น ถ้าจะซื้อต้องซื้อผ่านแอพในมือถือ
(อ้าว! อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอ?)
โหลดแอพมาแล้วกดสั่งซื้อเสร็จก็เลือกได้ว่าจะให้ส่งไปที่บ้านหรือมารับของที่ร้าน
วันถัดมาได้รับอีเมลแจ้งว่าของมาถึงที่ร้านแล้ว ตอนไปถึงพนักงานบอกว่าจะลองใส่อีกครั้งก็ได้ ถ้าไม่ชอบจะเปลี่ยนใจไม่เอาแล้วก็ได้
พอจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยพนักงานก็ให้โค้ดมาสำหรับใช้เป็นส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป
เดี๋ยวนี้เราช้อปปิ้งได้ง่ายและสนุกขึ้นมากจริงๆ

Funny Story: Hungry

Check out this funny short Thai reading exercise.  After you try to read the text, click the google doc in order to check the vocabulary.

First, try to read through the paragraph a couple of times.  Don’t worry about words you don’t know.  Just focus on figuring out what’s happening based on what you do know.  Guess the rest.  After you’ve gone through it, go into the google doc, check the meanings of the words you didn’t know and then read it 2 more times.

Google Doc Breakdown

เวลาขึ้นรถตู้ถ้าจะลงระหว่างทางต้องบอกคนขับตอนใกล้ถึงจุดที่จะลง คนขับจะได้ชะลอรถและจอดให้

มีอยู่ครั้งนึงนั่งรถตู้แล้วรู้สึกหิวมากก็เลยคิดไปเรื่อยๆว่าเดี๋ยวจะกินอะไรดี

นึกถึงอาหารหลายอย่าง ทั้งข้าวมันไก่ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง แล้วก็ส้มตำแซ่บๆกับข้าวเหนียวไก่ย่าง

ในที่สุดก็คิดว่าจะกินก๋วยเตี๋ยวต้มยำ

ตอนนั้นมองออกไปทางหน้าต่างแล้วก็ตกใจมากเพราะใกล้จะเลยจุดที่จะต้องลงแล้วแต่ยังไม่ได้บอกคนขับให้จอด

เลยตะโกนออกไปเสียงดังว่า “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำด้วยค่ะ” แทนที่จะบอกว่า “เซนทรัลลาดพร้าวด้วยค่ะ”

คนหัวเราะกันทั้งรถเลย

Do Farang even Shower?

Here’s some more Thai reading practice.  It’s a Thai person’s quick thoughts on showering habits of Thais vs Farangs.

Try to read it here first a couple of times without any help.  Skip words you don’t understand and just see if you can work out what’s happening.  After a couple of tries, go to the doc and try again in the gdoc reader.  Ready to read some Thai?

Do Farang even Shower? 

 

มีหลายเรื่องที่ฝรั่งทำแล้วคนไทยรู้สึกแปลกใจ

คนไทยชอบอาบน้ำ ส่วนใหญ่จะอาบน้ำวันละสองครั้งคือตอนเช้าและตอนเย็น ถ้าอากาศร้อนมากๆอาจจะอาบอีกครั้งตอนบ่ายๆด้วย

ถ้าได้ยินว่าฝรั่งอาบน้ำแค่วันละครั้ง หรือหลายๆวันครั้ง จะตกใจมากเพราะไม่เข้าใจว่าทนไม่อาบน้ำนานๆได้ยังไง ทำไมไม่รู้สึกว่าตัวเหม็นและสกปรก

หรือถ้าฝรั่งไปเที่ยวบ้านคนไทยแล้วใส่รองเท้าเดินในบ้าน ก็อาจจะโดนดุเอาได้

ใส่รองเท้าออกไปเดินข้างนอกแล้วเข้ามาเดินในบ้านพื้นจะเลอะ ควรถอดไว้นอกบ้าน

เรื่องที่คนไทยไม่ชินอีกอย่างนึงคือการใช้เท้าชี้หรือเขี่ยสิ่งของ เพราะคิดว่าเท้าเป็นของต่ำจึงไม่สุภาพที่จะใช้แทนมือ

 

Sentence Patterns:

  • มีหลาย _____ – There are a number of/a bunch of  _____
    • มีหนังหลายเรื่องที่อยากดูกำลังจะเข้าโรง – There are a bunch of movies I want to see about to come out.  
  • ทำ (SOMEONE) ให้ รู้สึก SOMETHING
    • แฟนทำให้เราน้อยใจนิดนึงที่ไม่ได้พาไปญี่ปุ่นด้วย – my gf/bf made me feel a bit bummed because he/she didn’t bring me along to Japan.
  • วันละครั้ง – once per day
    • ออกกำลังกายอาทิตย์ละกี่ครั้ง – how many times a week do you exercise?

The Monkey and the Turtle

Here’s an old post I managed to dig up that should be useful for Thai reading practice. Don’t try to understand every word. Theres stuff you know and stuff ya don’t. Also, no need to read it in one sitting.

Story taken from a long dead site.

Translation done by me.

เรื่อง ลิงกับเต่า

ณ ป่าแห่งหนึ่งมีเต่ากับลิงเป็นเพื่อนกัน เต่าเป็นสัตว์ที่มีนิสัยซื่อสัตย์ ส่วนลิงนั้นเป็นสัตว์ที่มีนิสัยขี้โกหก เมื่อเกิดอะไรขึ้น ก็จะช่วยกันเสมอ วันหนึ่งเต่ากำลังเดินเล่นอยู่ก็ไปเจอตะกร้าผลไม้ เต่าจึงนำไปถามหาเจ้าของ หลายชั่วโมงผ่านไปค่างก็มารับตะกร้าผลไม้คืน ค่างก็ชมเต่าว่าเป็นสัตว์ที่มีนิสัยซื่อสัตย์ ลิงเห็นดังนั้นจึงนึกอิจฉาในความดีของเต่า จึงไปขโมยตะกร้าของค่างมาแล้วประกาศหาเจ้าของ ค่างเห็นดังนั้นจึงรู้ว่าลิงขโมยไป จึงพูดว่าลิงขี้ขโมย ลิงก็พูดว่าไม่ได้ขโมยไปแต่เจออยู่ นับจากนั้นมาก็ไม่มีสัตว์ตัวไหนไปเล่นกับลิงอีกเลย ลิงจึงรู้สึกผิดจึงไปพูดกับค่างว่าตนเป็นสัตว์ที่ขโมยไปโปรดอย่าถือสาเลยค่างก็ได้ให้อภัย นับจากนั้นมาก็มีสัตว์ตัวอื่นมาเล่นกับลิง นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การโกหกจะทำให้เกิดทุกข์

ณ ป่า แห่งหนึ่ง – the ณ is a written preposition kinda like ‘at’ and you might translate this like “Once upon a time” even though literally it’d be like ‘at a forest’

เต่าเป็นสัตว์ที่มีนิสัยซื่อสัตย์ – นิสัย remember this? habit, manners,etc …here the turtle is an honest; loyal; all around good guy (animal)

เมื่่อเกิดอะไรขึ้น any time anything happens…

ก็จะช่วยกันเสมอ they always help each other out

วันหนึ่งเต่ากำลังเดินเล่นอยู่ one day, the turtle was out for a stroll

ก็ไปเจอตะกร้าผลไม้ he came upon a basket of fruit

เต่าจึงนำไปถามหาเจ้าของ so the turtle went around trying to find the owner (of the basket)
หลายชั่วโมงผ่านไปค่างก็มารับตะกร้าผลไม้คืน for many hours until a langur (type of monkey) came to take back the basket

ค่างก็ชมเต่าว่าเป็นสัตว์ที่มีนิสัยซื่อสัตย์ the langurm praised the turtle for being such an honorable fellow
ลิงเห็นดังนั้นจึงนึกอิจฉาในความดีของเต่า the monkey saw this and felt jealous of the turtles good fortune (the praise from the langur)

จึงไปขโมยตะกร้าของค่างมาแล้วประกาศหาเจ้าของ so he (the monkey) went and stole the basket (of fruit) from the langur and then announced that he is looking for the owner

ค่างเห็นดังนั้นจึงรู้ว่าลิงขโมยไป however, the langur knew that the monkey stole the basket
จึงพูดว่าลิงขี้ขโมย ลิงก็พูดว่าไม่ได้ขโมยไปแต่เจออยู่ and said ‘you are a rotten thief’ and the monkey said ‘I’m not a thief, I just happened upon this here basket.”

นับจากนั้นมาก็ไม่มีสัตว์ตัวไหนไปเล่นกับลิงอีกเลย following this, nobody would hang out with the monkey anymore

ลิงจึงรู้สึกผิดจึงไปพูดกับค่างว่า The monkey felt pretty terrible about the whole mess and said the to the langur..
ตนเป็นสัตว์ที่ขโมยไปโปรดอย่าถือสาเลยค่างก็ได้ให้อภัย “I am a thief and I have wronged you, please can you forgive me?”

นับจากนั้นมาก็มีสัตว์ตัวอื่นมาเล่นกับลิง after that, all the animals came back to play with the monkey yay (warm feeling)

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การโกหกจะทำให้เกิดทุกข์ this นิทาน (fable, tale) teaches us that stealing causes suffering

Moral of the story – If yer gonna steal fruit, you might as well eat it

ซื่อสัตย์ = be honest ; be faithful
โกหก = lie ; fib ; forge ; tell a lie
เจ้าของ = owner ; proprietor ; proprietress
อิจฉา = envy ; be envious ; be jealous
ขี้ขโมย = thieving bastard
ถือสา = mind ; care about ; take something to heart ; take offence
ให้อภัย = forgive ; excuse ; condone ; pardon
ทำให้เกิด = cause ; produce an effect
ทุกข์ = suffering

Working in a Coffee Shop

Check out this short Thai reading exercise about a day in the life of a coffee barista.

*If the font is too small for you, try resizing your screen hitting ctrl+ or cmd+ a few times.

หนึ่งวันของคนชงกาแฟ

เราทำงานเป็นคนชงกาแฟที่อยู่ร้านกาแฟร้านนึงแถวนิมมานต์ จะบอกว่าตัวเองเป็นบาริสต้าอย่างใครเขาก็เขินๆยังไงไม่รู้ เพราะความจริงเราไม่ได้ฝึกฝนจนมีความชำนาญมากพอที่จะเรียกตัวเองว่าบาริสต้า เราเลยขอเรียกตัวเองว่าคนชงกาแฟก็แล้วกัน ชีวิตประจำวันเราก็เหมือนมนุษย์เงินเดือนทั่วไป ตื่นเช้าปุ๊ป ก็ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว แล้วก็ขับรถไปทำงาน เดี๋ยวนี้เชียงใหม่รถติดมากถ้าเทียบกับสิบปีที่แล้ว เข้าใกล้ความเป็นกรุงเทพเข้าไปทุกที กว่าจะถึงที่ทำงานบางทีก็ครึ่งชั่วโมง บางทีก็ห้าสิบนาที พอมาถึงร้าน อย่างแรกที่เราต้องทำคือพุ่งตัวไปเปิดเครื่องทำกาแฟ เพราะต้องใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีกว่าเครื่องจะพร้อมทำกาแฟได้ จากนั้นเราจัดการเอาน้ำเชื่อมและความผสมต่างๆที่ใช้ในการทำเครื่องดื่ม เช่น นมข้นหวาน ซอสคาราเมล ออกมาจากตู้เย็น แล้วเราถึงจะไปเช็ดโต๊ะกับเก้าอี้ในร้าน หลังจากนั้นก็กวาดฝุ่นและใบไม้หน้าร้านให้เรียบร้อย แล้วก็เช็ดกระจก ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือหน้าที่หลักที่เราต้องทำในแต่ละวัน

จำไม่ได้แน่นอนเหมือนกันว่าวัฒนธรรมการดื่มกาแฟเข้ามาบูมในเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ เราว่าน่าจะสักสี่ห้าปีที่ผ่านมาละมั้ง ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ร้านกาแฟก็พากันผุดขึ้นอย่างกับดอกเห็ด บางทีก็รู้สึกว่ามีหลายร้านเกินจนเลือกไม่ถูกว่าจะไปนั่งชิวจิบกาแฟที่ไหนดี ตอนเด็กเราคิดว่ากาแฟไม่ดีเลย กินแล้วต้องติดแน่ๆ เลยไม่กล้ากิน แต่พอมาเรียนมหาลัยก็ค้นพบว่าเราคงอยู่ปั่นงานดึกๆ หรือถ่อไปเรียนตั้งแต่ไก่โห่ไม่ได้ถ้าขาดความช่วยเหลือจากเจ้าคาเฟอีน จากนั้นชีวิตก็คลุกคลีอยู่กับการดื่มกาแฟมาเรื่อยๆ จนได้มาทำงานเป็นคนชงกาแฟอยู่จนทุกวันนี้ มีสุภาษิตตุรกีอยู่อันนึงเกี่ยวกับกาแฟที่เราจำได้ขึ้นใจเลย เขาบอกว่า กาแฟควรดำมืดราวนรก เข้มขมดังความตาย และหวานละมุนเช่นความรัก จะให้บอกว่ากาแฟที่ดีเป็นยังไงก็คงตอบยาก เพราะคนแต่ละคนมีความชื่นชอบที่แตกต่างกัน ก็เลยมีกาแฟหลายๆแบบให้เลือกดื่ม ไม่ว่าจะเป็น เอสเปรสโซ่ ลาเต้ อเมริกาโน่ คาปูชิโน่ มอคค่า คาราเมลมัคคิอาโต้ และอีกเยอะแยะเลย เราว่าเวลาได้ลองดื่มกาแฟหลายๆแบบก็สนุกดี แล้วยิ่งเวลาทำเป็นก็ยิ่งสนุกมากขึ้นอีก เพราะการจะทำกาแฟหนึ่งแก้วให้มีรสชาติดีได้ต้องอาศัยทักษะหลายๆอย่าง ซึ่งต้องใช้เวลาเรียนรู้และฝึกฝน เวลาผ่านไป บางวันก็เร็ว บางวันก็เชื่องช้า เราเสริฟลาเต้ร้อนแก้วสุดท้าย และเตรียมตัวกลับบ้าน