diary of a white guy's assistant Archives - Page 3 of 4 - Learn Thai from a White Guy

The Diary

4 พฤศจิกายน 2555
วันนี้ฉันตื่นนอน 7:30น. รู้สึกง่วงนอนมากๆ แต่ก็นอนต่อไม่ได้ เพราะวันนี้มีเรียนตอน 9:00น. ก็เลยต้องตื่น… หลังจากนั้นก็ไปอาบน้ำแปรงฟัน และแต่งตัวไปมหาวิทยาลัย

วันนี้แต่งหน้านานไปหน่อย ออกจากบ้านก็เข้าไป 8:50 สายมากๆๆๆๆ ก็ต้องรีบขับมอเตอร์ไซค์ไปเรียน พอไปถึงมหาวิทยาลัยโชคยังดีที่อาจารย์ยังไม่ได้เริ่มสอน เพราะอาจารย์กำลังตั้งค่าคอมพิวเตอร์ เริ่มเรียนจริงๆ ก็ประมาณ 9:30น. อาจารย์พูดช้ามากๆๆๆๆ สงสัยกลัวนักเรียนฟังไม่รู้เรื่อง เลิกเรียนประมาณเกือบๆ เที่ยง รู้สึกหิวข้าวมาก จึงได้ชวนส้มไปทานข้าวที่ตลาด หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้าน ฉันได้ไปแวะชื้อผลไม้ที่ตลาดหนองหอยให้พี่สาว

วันนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เหตุการณ์ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ ตอนนี้ 23:45น. ฉันรู้สึกหิวข้าวมาก แต่ขี้เกียจไปซื้อ งั้นก็ไปนอนดีกว่า……บาย

พฤศจิกายน – November

ง่วงนอน sleepy

มหาวิทยาลัย [มะ หา วิ ทะ ยา ลัย] – university

นานไปหน่อย – a little too long (xxx เกินไป = too {much} xxx)

รีบ – rush; hurry

เริ่ม – to begin

ตั้งค่า – set (up)

ประมาณ – about; approximately

เลิก – to finish

ชวน – to invite

แวะ – to go/stop somewhere for a short time

ตลาดหนองหอย Nong Hoi Market

พี่สาว – older sister

พิเศษ – special

ขี้เกียจ – lazy

Diary of a White Guy’s Assistant

Back in 2012, I hired an assistant and had her write a diary in Thai to serve as beginner-intermediate content.  This is the first entry and is meant as a natural/native Thai reading exercise.   There’s a vocabulary list of some Thai words a beginner may not know and if you click on the link at the bottom, there’s a sheet with more vocab to help you read this text.

[2012] Things have been gotten a bit hectic since I put up the free lesson box on main page and so I’ve hired a part-time assistant to help out with some things. I have no clue if this will work out, but one of the things I’m getting her to do is write a diary a few days a week so we can get in some good practice reading. This one is pretty basic, but it never hurts to read easy stuff, especially if it’s authentic.

3 พฤศจิกายน 2555
วันนี้เป็นวันเสาร์ เป็นวันหยุดพักผ่อนจากการเรียน ฉันตื่นตอนประมาณ 9:00น. หลังจากนั้นก็ไปอาบน้ำแปรงฟัน เวลาประมาณ 10:00น. ฉันรับประทานอาหารเช้ากับพี่สาวของฉัน เมนูวันนี้คือ ข้าวผัดหมูไข่ดาว ฉันชอบดื่มน้ำส้มทุกๆ เช้า แต่พี่สาวของฉันชอบดื่มน้ำแครอท หลังจากนั้นเราไปช็อปปิ้งที่โรบินสัน ฉันซื้อรองเท้าสีแดง 1 คู่ และเสื้อยืดสีขาว 1 ตัว ส่วนพี่สาวของฉัน เธอซื้อกางเกงยีนส์ 2 ตัว และกระโปรงสีดำอีกหนึ่งตัว

18:00น. เราเดินทางไปเที่ยวที่ถนนคนเดินกันต่อ วันนี้คนเยอะมาก และมีสินค้าต่างๆ มากมายว่างจำหน่าย เราได้ซื้ออาหารรับประทาน และเดินไปด้วย จนในที่สุดเรารู้สึกปวดเท้ามาก เพราะวันนี้ได้เดินซ็อปปิ้งทั้งวัน เราจึงพักหยุดที่ร้านนวดเท้า เราใช้เวลาในการนวดเท้า 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับบ้าน
พอกลับมาถึงบ้านฉันรู้สึกเหนื่อยมาก ก็รีบไปอาบน้ำแปรงฟัน และจัดกระเป๋าหนังสือเตรียมตัวไปเรียนในวันพรุ่งนี้ ไปนอนแล้วดีกว่า…..ราตรีสวัสดิ์…..

 

Paragraph 1

  • พฤศจิกายน – November
  • 2555 – Subtract 543 to get the Christian year.
  • วันเสาร์ – Saturday
  • วันหยุด – day off
  • พักผ่อน – rest; relax
  • ประมาณ – about; approximately
  • แปรงฟัน – brush teeth
  • พี่สาว – older sister
  • ข้าวผัดหมูไข่ดาว – pork fried rice w/egg
  • น้ำแครอท – carrot juice
  • โรบินสัน – Robinsons (name of dept. store/mall in Thailand)
  • เสื้อยืด – t-shirt
  • ส่วน – as for; regarding
  • กางเกงยีนส์ – jeans
  • กระโปรง – skirt

Paragraph 2

  • Click here for the rest of the words you may not know.

 

Diary of a Wimpy Kid – Part 4

 

Page 2

อย่างที่ว่าแหละ วันหนึ่งจะต้องมีชื่เสียงโด่งดังแน่ แต่ตอนนี้ฉันต้องมาติดแหง็กอยู่กับพวกซื่อบื้อในโรงเรียนมัธยม

Page 3

พูดจริงๆนะ ฉันว่าโรงเรียนมัธยมนี่เป็นความคิดที่ไม่ได้เรื่องที่สุดเท่าที่เคยมีมา ดูซิ เด็กๆ อย่างพวกฉันต้องมาอยู่รวมกับพวกลิงกอริลล่าที่ต้องโกนหนวดวันละสองหน

แล้วพวกผู้ใหญ่ก็มาทำเป็นงงว่าทำไมถึงมีการรับแกกันในโรงเรียนมัธยมอยู่เรื่อย

ถ้าเป็นฉันนะ ฉันไม่แบ่งชั้นเรียนตามอายุร้อก ฉันจะแบ่งตามความสูง แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้าเปี๊ยกอย่างชีรักกุปต้าต้องยังอยู่ชั้นอนุบาลหนึ่งแหงๆ

*********************************************************************

Breakdown

Page 2

อย่างที่ว่าแหละ – it’s just like I said

วันหนึ่ง – someday

จะต้องมีชื่เสียงโด่งดังแน่ – I’m gonna be super famous

แต่ตอนนี้ – but for now

ฉันต้องมาติดแหง็กอยู่ – I’m stuck

กับพวกซื่อบื้อในโรงเรียนมัธยม – here with these idiots at school

Page 3

พูดจริงๆนะ – I’m serious

ฉันว่าโรงเรียนมัธยมนี่ – I’m saying that this school thing

เป็นความคิดที่ไม่ได้เรื่องที่สุดเท่าที่เคยมีมา – is the stupidest idea ever

ดูซิ – I mean look (think about it)

เด็กๆ อย่างพวกฉัน kids like me

ต้องมาอยู่รวมกับ – are put together with

พวกลิงกอริลล่า – these gorillas

ที่ต้องโกนหนวด – who need to shave

วันละสองหน – twice a day

แล้วพวกผู้ใหญ่ – and the adults

ถ้าเป็นฉันนะ – if it was me (up to me)

ฉันไม่แบ่งชั้นเรียนตามอายุร้อก – I wouldn’t divide the grades based on age

ฉันจะแบ่งตามความสูง – I’d split it up according to height

แต่ก็นั่นแหละ – but..

ถ้าเป็นแบบนั้น – if it was like that

เจ้าเปี๊ยก – shorties

อย่างชีรักกุปต้า – like Chirak Gupta

ต้องยังอยู่ชั้นอนุบาลหนึ่งแหงๆ will be stuck in kindergarten

Diary of a Wimpy Kid – Page 1, Part 3

แล้วถ้าแม่คิดว่าฉันจะเขียน “ความรู้สึก”  ของฉัน

หรืออะไร ทำนองนั้นลงในนี้ละก็ แสดงว่าแม่เพี้ยนไปแล้ว

เพราะฉะนั้น อย่ามาหวังซะให้ยากว่าฉันจะ เขียนว่า

“ไดอารี่ที่รัก” อย่างนั้น “ไดอารี่ที่รัก”  อย่างนี้

เหตุผลเดียวจริงๆ ที่ฉันยอมเขียนก็คือ

ฉันเกิดคิดได้ว่า อีกหน่อยพอฉันรวยและมีชื่อเสียงแล้วนะ

ฉันก็จะได้ไม่ต้องมาคอยตอบคำงี่เง่าทั้งวันไงละ

สมุดเล่มนี้จะช่วยมากเลย

**************************************************************************************************

แล้วถ้า – and if

แม่คิดว่า – my mom

ฉันจะเขียน – I am going to write

“ความรู้สึก”  ของฉัน – my “feelings”

หรืออะไร ทำนองนั้น – or stuff like that

ลงในนี้ละก็ – in this thing (write down in this thing)…well then

แสดงว่าแม่เพี้ยนไปแล้ว – she is crazy (that just shows that she has gone mad)

เพราะฉะนั้น – so

อย่ามาหวังซะให้ยากว่า – and don’t go hoping that

ฉันจะ เขียนว่า – I am gonna be writing

“ไดอารี่ที่รัก” อย่างนั้น – “dear diary” this

“ไดอารี่ที่รัก”  อย่างนี้ – and “dear diary” that..

เหตุผลเดียวจริงๆ – and the one real reason

ที่ฉันยอมเขียน – that I agreed to write (in the diary)

ก็คือ – is

ฉันเกิดคิดได้ว่า – I started thinking that

อีกหน่อย – before long

พอฉันรวย – when I’m rich

และมีชื่อเสียง – and famous

ฉันก็จะได้ไม่ต้องมา – I won’t have to

คอย – wait around

ตอบคำงี่เง่าทั้งวันไงละ all day answering stupid questions

สมุดเล่มนี้จะช่วยมากเลย this book is gonna help a lot

******************************************************************

SRS Cards

ถ้าแม่คิดว่าฉันจะเขียน “ความรู้สึก” ของฉัน ….

หรืออะไร ทำนองนั้น

แสดงว่าแม่เพี้ยนไปแล้ว

ฉันยอมเขียน

เหตุผลเดียวจริงๆ ก็คือ

ตอบคำงี่เง่าทั้งวัน

Diary of a Wimpy Kid – Page 1, Part 2

Continued from Page 1 – Part 1.

คิดดูสิ ถ้าเกิดมีเจ้าโง่ที่ไหนมาเห็นฉันถือสมุดเล่มนี้เดินไปเดินมา

แล้วเข้าใจผิดละก็

แล้วก็อีกอย่างนะ ต้องบอกให้เคลียร์ๆ กันตรงนี้เลยว่า

นี่เป็นความคิดของแม่ ไม่ใช่ความคิดฉัน

***************************************************

ฺBreakdown –

คิดดูสิ – think about it

ถ้าเกิด – what if (lit. if + happens …)

มีเจ้าโง่ที่ไหน – some jerk/idiot somewhere

มาเห็นฉันถือสมุดเล่มนี้เดินไปเดินมา – sees me carrying this book around….(walking around carrying this book)

แล้วเข้าใจผิดละก็ – and gets the wrong idea (misunderstands)

แล้วก็อีกอย่างนะ – and another thing

ต้องบอกให้เคลียร์ๆ กันตรงนี้เลยว่า – that I must make very clear is that…

นี่เป็นความคิดของแม่ – this was my mom’s idea…

ไม่ใช่ความคิดฉัน – not mine (not my idea)

*************************************************************

Anki SRS File – Note that this deck contains the cards from Page 1 – Part 1 as well.  Anki recognizes duplicates and won’t double install anything.  I will create separate decks for separate diary entries.