Learn Thai Blog Posts, Articles and Free Lessons

Wolverine

So I watched Wolverine today.  I thought it was decent.  I was entertained even though I was bullied into watching it at Robinsons which I despise due to 21-28 minutes of pre-movie garbage (and paying 140 baht when I can watch it at Central for 70 = no-good).  Maybe 4 minutes of that are previews.  And in the Thai subtitles at the end it says something like อย่าพุ่งไป…จะมีอะไรต่อ.  Don’t bother.  You can wait through 10 minutes of credits to see Wolverine drink 2 shots of booze in Japan.  Oooh.   Wish I had left with everyone else…

อย่าพุ่งไป = don’t run off (just yet)

พุ่ง is a surprisingly useful word that I didn’t really know until last year.  Perhaps I’ll do a whole post on it sometime if I remember (dubious).  Remind me!

This one shouldn’t be too tough.  Give it a try.  Really..just do it for 5 minutes.  I pulled it from movieseer.com which is occasionally useful for movie showtimes, but not always correct.  The Thai is almost always short and easy.  This is a good example… 

เอ็กซ์ เม็น กำเนิด วูลฟ์เวอรีน(X-Men Origins: Wolverine )

ในภาคกำเนิด วูลฟ์เวอรีนนี้ โลแกน/วูลฟ์เวแรน (ฮิวจ์ แจ๊คแมน) เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่พยายามจะค้นหาความลับในอดีตของเขา ซึ่งเนื้อเรื่องจะเป็นเหตุการณ์ก่อน X-Men ภาคแรก เล่าเรื่องราวการไล่ล่าล้างแค้นจอมวายร้ายที่เป็นตัวการในการสังหารแฟนสาวของเขา โลแกนจะพาเราไปสู่ต้นกำเนิดและค้นหาความจริวที่เราไม่รู้มาก่อน โดยมุ่งไปข้างหน้าด้วยความกล้าหาญและเส้นทางใหม่

*************************************

Wolverine

เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ is a mutant

ที่พยายาม that is trying to…

จะค้นหาความลับ find out a secret

ในอดีตของเขา from his histroy

ซึ่งเนื้อเรื่อง so the plot of the story ..

จะเป็นเหตุการณ์ is the situation/cause

ก่อน X-Men ภาคแรก before the first X-Men movie

Fun with News

Useful Link of the day – http://nonsaat.udonthani.police.go.th/rang.htm

It lists all the Thai police rankings.  

I was doing some translations this morning and here are some interesting sentences.

สภาพศพที่ใบหน้าเน่ามีหนอนไต่ยั้วเยี้ย – the corpse’s face was covered with squirming maggots

ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง – let off a terrible stench

ตำรวจตรวจสอบในที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ the investigating police saw no sign of a struggle

ในป่าละเมาะ – Part 5

This piece is rather long for a single post.  I will probably split it up into 2-3.

As usual, try to read it before scrolling down to my breakdown.

 

                          คำให้การของทาโจมารุ

ข้าฆ่ามันเอง แต่ไม่ได้ฆ่านาง นางอยู่ไหนน่ะรึ  ข้าจะไปรู้ได้ไง  อ้อ อย่าเพิ่ง   จะทรมานอย่างไรข้าก็คงบอกสิ่งที่ข้าไม่รู้ไม่ได้ดอกนะ  ไหนๆ เรื่องมันล่วงเลยมาถึงขั้นกุดหัวขนาดนี้แล้ว ข้าก็คงไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังกันอีกหรอก 
    ข้าเจอผัวเมียคู่นั้นเข้าเมื่อวาน ตอนหลังเที่ยงไปนิดหน่อย พอดีมีลมพัดมาวูบหนึ่งทำให้ผ้าคลุมหน้านางเปิดออก ข้าเลยได้เห็นใบหน้าของนางก่อนที่ผ้าจะกลับไปคลุมไว้ตามเดิม นั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง นางงามเหมือนกับนางฟ้า ตอนนั้นเองที่ข้าตัดสินใจว่าต้องเอานางมาให้ได้ถึงต้องฆ่าผัวของนางก็ตามที
    ทำไมน่ะหรือ  สำหรับข้า การจะฆ่าใครสักคนไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่ใครๆ คิดกัน และเมื่อได้มาเมียมันมา ผัวมันก็ต้องตายอยู่ดี ข้าใช้ดาบข้างกายข้าเป็นอาวุธ มีข้าคนเดียวหรือที่ฆ่าคนรึไง  ตัวท่านเองล่ะ ถึงจะไม่ได้ใช้ดาบ แต่ท่านก็ฆ่าคนด้วยอำนาจ ด้วยเงินของท่าน บางครั้งท่านฆ่าคนโดยอ้างว่าทำเพื่อตัวพวกเขาเอง แน่นอนล่ะว่าคนพวกนั้นอาจไม่ได้เสียเลือดแม้แต่หยดเดียว สุขภาพก็ยังแข็งแรงดีอยู่ แต่มันจะต่างกันตรงไหนในเมื่อท่านก็ได้ฆ่าเขาไปแล้ว มันก็พูดยากนะว่าใครบาปกว่ากัน ท่านหรือข้า (ยิ้มเหยียด)
    แต่ก็คงจะดี ถ้าข้าเอาตัวผู้หญิงมาได้โดยไม่ต้องลงมือฆ่าผู้ชาย ข้าเลยตัดสินใจจะจับตัวนางโดยจะไม่ฆ่าผู้ชาย แต่จะทำอย่างนั้นบนถนนยามาชินะคงไม่ได้ ข้าจึงจัดการลวงทั้งคู่ไปที่ภูเขา

***********************************************************************************

  คำให้การของทาโจมารุ Tajomaru’s testimony

ข้าฆ่ามันเอง แต่ไม่ได้ฆ่านาง นางอยู่ไหนน่ะรึ  ข้าจะไปรู้ได้ไง  อ้อ อย่าเพิ่ง   จะทรมานอย่างไรข้าก็คงบอกสิ่งที่ข้าไม่รู้ไม่ได้ดอกนะ  ไหนๆ เรื่องมันล่วงเลยมาถึงขั้นกุดหัวขนาดนี้แล้ว ข้าก็คงไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังกันอีกหรอก 

ข้าฆ่ามันเอง  Yea, I killed him.

แต่ไม่ได้ฆ่านาง but I didn’t kill the girl

นางอยู่ไหนน่ะรึ   Where is she? (he is repeating the question of the one interviewing him)

ข้าจะไปรู้ได้ไง  how am I supposed to know?  (good SRS – จะรู้ได้ยังไง)

อ้อ อย่าเพิ่ง  oh..don’t even think about it….  

จะทรมานอย่างไรข้าก็ no matter how much you torture me…

คงบอกสิ่งที่ข้าไม่รู้ไม่ได้ดอกนะ I still can’t answer questions that I don’t know the answer to…

ไหนๆ เรื่องมันล่วงเลยมาถึงขั้นกุดหัวขนาดนี้แล้ว anyways, as crazy as things are now…

ข้าก็คงไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังกันอีกหรอก I’m not likely to hold anything back at this point…

 

ข้าเจอผัวเมียคู่นั้นเข้าเมื่อวาน ตอนหลังเที่ยงไปนิดหน่อย พอดีมีลมพัดมาวูบหนึ่งทำให้ผ้าคลุมหน้านางเปิดออก ข้าเลยได้เห็นใบหน้าของนางก่อนที่ผ้าจะกลับไปคลุมไว้ตามเดิม นั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง นางงามเหมือนกับนางฟ้า ตอนนั้นเองที่ข้าตัดสินใจว่าต้องเอานางมาให้ได้ถึงต้องฆ่าผัวของนางก็ตามที

ข้าเจอผัวเมียคู่นั้นเข้าเมื่อวาน I encountered the couple early yesterday morning

ตอนหลังเที่ยงไปนิดหน่อย a bit after noon

พอดีมีลมพัดมาวูบหนึ่งทำให้ผ้าคลุมหน้านางเปิดออก as soon as a gust of wind came and briefly blew aside the woman’s veil 

ข้าเลยได้เห็นใบหน้าของนาง revealing her face

ก่อนที่ผ้าจะกลับไปคลุมไว้ตามเดิม before returning to its previous position

นั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง that may have been the reason

นางงามเหมือนกับนางฟ้า she was beautiful like an angel 

ตอนนั้นเองที่ข้าตัดสินใจว่า that was when I decided ..

ต้องเอานางมาให้ได้ that I must have her..

ถึงต้องฆ่าผัวของนางก็ตามที  even if that meant killing her husband in the process

ทำไมน่ะหรือ  สำหรับข้า การจะฆ่าใครสักคนไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่ใครๆ คิดกัน และเมื่อได้มาเมียมันมา ผัวมันก็ต้องตายอยู่ดี ข้าใช้ดาบข้างกายข้าเป็นอาวุธ มีข้าคนเดียวหรือที่ฆ่าคนรึไง  ตัวท่านเองล่ะ ถึงจะไม่ได้ใช้ดาบ แต่ท่านก็ฆ่าคนด้วยอำนาจ ด้วยเงินของท่าน บางครั้งท่านฆ่าคนโดยอ้างว่าทำเพื่อตัวพวกเขาเอง แน่นอนล่ะว่าคนพวกนั้นอาจไม่ได้เสียเลือดแม้แต่หยดเดียว สุขภาพก็ยังแข็งแรงดีอยู่ แต่มันจะต่างกันตรงไหนในเมื่อท่านก็ได้ฆ่าเขาไปแล้ว มันก็พูดยากนะว่าใครบาปกว่ากัน ท่านหรือข้า (ยิ้มเหยียด)

ทำไมน่ะหรือ what’s this now?  

สำหรับข้า  for me..

การจะฆ่าใครสักคน killing someone..

ไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่ใครๆ คิดกัน isn’t that big of a deal..(like everyone thinks)

และเมื่อได้มาเมียมันมา and when this girl came along

ผัวมันก็ต้องตายอยู่ดี her husband, well he just had to die

ข้าใช้ดาบข้างกายข้าเป็นอาวุธ I kill with the sword at my side

มีข้าคนเดียวหรือที่ฆ่าคนรึไง  its me doing the killing

ตัวท่านเองล่ะ but you sir…

ถึงจะไม่ได้ใช้ดาบ you don’t use a sword..

แต่ท่านก็ฆ่าคนด้วยอำนาจ but you still kill with your authority/power

ด้วยเงินของท่าน with your money

บางครั้งท่านฆ่าคนโดยอ้างว่าทำเพื่อตัวพวกเขาเอง sometimes, you even kill them with your words 

แน่นอนล่ะว่า of course…

คนพวกนั้นอาจไม่ได้เสียเลือดแม้แต่หยดเดียว you may not spill a drop of their blood…

สุขภาพก็ยังแข็งแรงดีอยู่ and they still live (are healthy)

แต่มันจะต่างกันตรงไหน but how is it different..

ในเมื่อท่านก็ได้ฆ่าเขาไปแล้ว when you have killed them 

มันก็พูดยากนะว่าใครบาปกว่ากัน its difficult to decide who the sinner is..

ท่านหรือข้า (ยิ้มเหยียด) you..or I (ironic smile)

 

 แต่ก็คงจะดี ถ้าข้าเอาตัวผู้หญิงมาได้โดยไม่ต้องลงมือฆ่าผู้ชาย ข้าเลยตัดสินใจจะจับตัวนางโดยจะไม่ฆ่าผู้ชาย แต่จะทำอย่างนั้นบนถนนยามาชินะคงไม่ได้ ข้าจึงจัดการลวงทั้งคู่ไปที่ภูเขา

แต่ก็คงจะดี well it would have been fine

ถ้าข้าเอาตัวผู้หญิงมาได้ if I was able to get the girl

โดยไม่ต้องลงมือฆ่าผู้ชาย without killing her man

 ข้าเลยตัดสินใจจะจับตัวนางโดยจะไม่ฆ่าผู้ชาย I decided to take her without killing the guy

แต่จะทำอย่างนั้น but how was I supposed to do that

บนถนนยามาชินะ on the road to Yamashina?

คงไม่ได้  it just wouldn’t work (SRS-worthy)

ข้าจึงจัดการลวงทั้งคู่ไปที่ภูเขา so I lured the pair into the mountains…

 

Stages of Learning

In my experience, there are 3 stages involved in going from the point where you sort of understand to being able to use something in a language.  You don’t have as much control as you might think and schools and teachers usually have even less.

We could analyze this stuff much deeper, but I find this to be the easy way to break it down.  We progress through these stages by encountering these words/expressions/sentences in real life (read/heard/tried to use).  Spaced repitition will significantly increase the chance of the words in question staying in your short term memory indefinitely so that when you encounter a situation where it is used…you can remember/use/understand it.

  1. Able to understand the underlying meaning of the question and possibly able to offer a simple answer such as in the case of กินข้าวรึยัง – กินแล้ว  or “have you eaten yet?” — “ate already” but unable to reproduce the original question or even work out for certain the words involved. It is still just a string of sounds which one can’t distinguish between or repeat with any accuracy, but somehow by having heard it over and over, you know what they are asking you.
  2. Able to understand the entire meaning and can now pick up most of the words in the sentence and answer properly, but still unlikely to be able to produce the actual question correctly.
  3. After having heard the sentence countless times, with varied repetition, we reach a stage where we can completely understand the question in most if not all of its forms and can now reproduce it naturally (or close to it) as we have heard it used naturally repeatedly for some time now.

Tone Up

Being able to say the correct tone is great and all, but ultimately if you want to speak ชัด-ly, it all comes down to rhythm.  Reading stuff out loud helps.  Having a native speaker correct you is good also.  If this isn’t convienent, then just having the original audio for a body of text is fine as well.   Start easy.  Look for interesting content.   Listen to it a lot.  If you need help finding interesting content, just ask.  

Here are some easy common examples:  

ไป ไหน มา      common-rising-common

ว่า จะ ใด         falling-low-common

ไม่ ว่าง             f – f

ไ ม่ ได้ ไป     f – f- c

วัน นี้  เหรอ   c-high-r