reading thai Archives - Page 8 of 11 - Learn Thai from a White Guy

Close Encounters

No breakdown for this one. Give it a shot. It isn’t hard – I promise. While I still feel like the Thai wiki is lacking in some areas, you can still find some fun stuff to read.

Here are a few words to help you out:

มนุษย์ต่างดาว – alien
หมายถึง – to mean; means; refers to
หลา – yard
จานบิน – I think you can figure this one out
เผชิญ – to meet; to encounter
ประสบการณ์ – to experience; to encounter
การติดต่อสื่อสาร – communication (contact + communicate)

การเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว

ได้มีการแบ่งประเภทการเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวไว้ 5 ระดับ คือ
การเผชิญหน้าระดับที่หนึ่ง (Close Encounters of the First Kind) หมายถึง การได้พบปะหรือเจอะเจอกับจานบินหรือมนุษย์ต่างดาวในระยะที่ไกลห่างออกไป เช่น จานบินลอยอยู่บนท้องฟ้า หรืออยู่ห่างจากผู้ที่พบเจอในระยะ 50 หลา เป็นต้น
การเผชิญหน้าระดับที่สอง (Close Encounters of the Second Kind) หมายถึง การพบปะกับจานบินหรือมนุษย์ต่างดาวคล้ายกับการเผชิญหน้าระดับที่หนึ่ง แต่อยู่ในระยะที่ใกล้ขึ้น เช่น อาจพบจานบินที่จอดอยู่บนพื้น เป็นต้น
การเผชิญหน้าระดับที่สาม (Close Encounters of the Third Kind) หมายถึง การได้เข้าไปในจานบินจะด้วยสาเหตุใดก็ตามแต่สามารถจดจำประสบการณ์ได้และสามารถออกมาได้
การเผชิญหน้าระดับที่สี่ (Close Encounters of the Fourth Kind) หมายถึง การที่ถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป อาจจะถูกทดลองด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา แต่สามารถจดจำประสบการณ์ได้และออกมาได้
การเผชิญหน้าระดับที่ห้า (Close Encounters of the Fifth Kind) หมายถึง การที่มีการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวในระดับที่เป็นกิจจะลักษณะ สามารถสื่อสารกันได้ความระหว่างมนุษย์โลกกับมนุษย์ต่างดาว

Diary of a Wimpy Kid – Page 6

This is an excerpt from the Thai translation of Diary of a Wimpy Kid which is called ไดอารี่ของเด็กไม่เอาถ่าน. I can’t stress enough how great a tool this is for diving into reading in a new language. I’ve read the series in Japanese, Korean, Thai and I’m currently struggling through the Taiwanese version. Remember that you aren’t going to understand everything. But there are a number of super useful language bits that are great to pick up in any language. It only helps that the book is actually pretty funny as well.

I would try to read through it before going below to check out the vocab/breakdown. Always give things a once over before you give up thinking it is too hard for you. The only way to get better is to constantly challenge yourself. Just spend less time on boring stuff focus more on the fun stuff.

I have long wanted to do a guide for the entire book, but I think it would be too time consuming and not very lucrative. It would however, be a pretty awesome learning tool.

As some of you already know, when I do private lessons, as soon as you can read the alphabet we start on this book. The real language in this book is far better than any textbook or do-it-yourself book that I have come across.

เดี๋ยวนี้พวกเด็กผู้หญิงเป็นอะไรกันหมดนะ สมัยเรียนประถมมันไม่เห็นจะยุ่งยากขนาดนี้เลย เอาแค่ได้เร็วที่สุดในห้อง พวกผู้หญิงก็ชอบกันหมดแล้ว

และตอนเรียน ป. 5 คนที่วิ่งเร็วที่สุดครือรอนนี่ แมคคอย

เดี๋ยวนี้มันยุ่งยากกว่านั้นเยอะ เด็กผู้หญิงจะชอบดูว่าเราใส่เสื้อผ้าอะไร หรือรวยมั้ย หรือก้นน่ารักมั้ยอะไรประมาณนั้น แล้วเด็กอย่างรอนนี่ แมคคอยก็ได้แต่นั่งเกาหัวแกรก ๆ สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นมา

เด็กผู้ชายที่หญิงผู้ชอบมากที่สุดคือไบรซ์ แอนเดอร์สัน ฉันละเซ็งจริงๆ คิดดูสิ ฉันเป็นคนที่เข้ากันได้กับพวกผู้หญิงมาตลอด แต่เด็กอย่างไบรซ์เพิ่งจะมาสนิดกับพวกผู้หญิงแต่ไม่กี่ปีนี้เอง

______________________________________________________________________
Breakdown

เดี๋ยวนี้พวกเด็กผู้หญิงเป็นอะไรกันหมดนะ What is up with girls these days?

สมัยเรียนประถม Back when I was in elementary school

มันไม่เห็นจะยุ่งยากขนาดนี้เลย It wasn’t nearly this complicated

เอาแค่วิ่งได้เร็วที่สุดในห้อง You just had to be the fastest in the (class)room and

พวกผู้หญิงก็ชอบกันหมดแล้ว all the girls would sweat you

และตอนเรียน ป. 5 and back in 5th grade

คนที่วิ่งเร็วที่สุดคือ the fastest runner was

รอนนี่ แมคคอย Ronnie Maccoy

เดี๋ยวนี้มันยุ่งยากกว่านั้นเยอะ These days it’s a lot more complicated.

เด็กผู้หญิงจะชอบดูว่า Girls like to check out

เราใส่เสื้อผ้าอะไร what kinda clothes we wear

หรือรวยมั้ย whether we are rich

หรือก้นน่ารักมั้ย or have a cute ass

อะไรประมาณนั้น and that kinda stuff

แล้วเด็กอย่าง and kids like

รอนนี่ แมคคอย Ronnie Maccoy

ก็ได้แต่นั่งเกาหัวแกรก ๆ just sit around scratching their heads (แกรก ๆ = scratching sound)

สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นมา wondering what the hell happened

เด็กผู้ชายที่หญิงผู้ชอบมากที่สุดคือ The boy who the girls like the most is

ไบรซ์ แอนเดอร์สัน Bryce Anderson

ฉันละเซ็งจริงๆ I’m really sick of it.

คิดดูสิ I mean, just think about it –

ฉันเป็นคนที่เข้ากันได้กับพวกผู้หญิงมาตลอด I have ALWAYS gotten along with the girls.

แต่เด็กอย่างไบรซ์ But kids like Bryce

เพิ่งจะมาสนิดกับพวกผู้หญิงแต่ไม่กี่ปีนี้เอง Have only just gotten friendly with the girls in the past couple of years.

_________________________________________________________________________
Really Useful Stuff

เป็นอะไรกันหมด

เป็นอะไรกัน can mean “what’s with them” as well as “what is their relationship/connection”
The use of หมด implies that it is ‘all’ of them. In this case, girls.

ประถม or Prathom refers to the first 6 years of education. Grades 1-6 are ป. 1 – ป. 6.
The ป. is an abbreviation of ประถม and is read as ปอ.

ไม่เห็นจะยุ่งยากขนาดนี้เลย

~ขนาดนี้ is used to clarify the extent of something
Here are a few examples I pulled from Google.

1. ทำไม GPRS ของ TRUEMOVE ถึงได้แพงขนาดนี้อ่ะ
Why is it that using GPRS on TRUEMOVE (mobile network) is this expensive?

2. ทำไม CPU ของผมมันร้อนขนาดนี้
Why is my CPU getting this/so hot?

3. เมืองไทยตอนนี้แย่ขนาดนี้แล้วหรอ
Has Thailand really gotten this bad?

มั้ย is the colloquial pronunciation of ไหม. It is also usually typed this way in a lot of informal online communication.

สงสัยว่า…. – I wonder if/about/that ….
Some fun Googly examples –

1. สงสัยว่าถ้าภรรยาท้อง สามีจะเอาผ้าไปซักที่ไหนคะ?
(I’m) wondering if a wife is pregnant, where can the husband wash his clothes?

2. สงสัยว่าปลวกอาจจะขึ้นบ้านลิง
Wondering if termites might have infested the monkey house.

3. ถ้าสงสัยว่าเพื่อนจะเป็นเกย์ ถามเขาตรงๆเขาจะโกรธไหม?
If you are wondering if your friend is gay and you ask him straight up, is he going to be pissed?

4. นางเอกหนังอวตาร เขาเอาต้นแบบมาจากใคร สงสัยว่าเป็น แอ็งเจลิน่า โจลี่ใช่หรือไม่
As for the female star of Avatar, where did they base her shape/figure on? I’m wondering if it was Angelina Jolie…

สนิดกับ – To be สนิดกับ someone means you are close to them.
It is also used to express the closing of something tightly such as doors or faucets. So a door that was ปิดไม่สนิด would not be closed all of the way.

เข้ากัน – This is similar to the above expression. If 2 things เข้ากัน it means they ‘go well together.’
So in the case of people it means they get along well or are good for each other.

Nana

Nana the Movie
นานะเป็นการ์ตูน เอ้ย!ไม่ใช่การ์ตูน เป็นหนัง น่าจะเป็นหนังญี่ปุ่น(อ้าวเหรอ) เออ!เพราะว่าเพลงที่ขึ้นเป็นเพลงญี่ปุ่น ชื่อ? แน้!รู้เพลงญี่ปุ่นด้วย 55++ เสร็จแล้ว เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิง 2 คน ที่มีชื่อเหมือนกัน คนหนึ่ง (อ่า…ก็เคยดูเหมือนกันนะ) เออ!คนหนึ่งนะจะมีความฝันจะเป็นนักดนตรี (รู้ล่ะ) ที่มีชื่อเสียง(อือฮือ!) แต่อีกคนมีความฝันอยากจะเป็นคนที่ถูกรัก โดยที่แบบ คือ….เพ้อเจ้อหน่อยๆนะเรื่องของความรัก สองคนนี้พอดีได้ไปโตเกียว ไปเที่ยวรถ รถไฟคันเดียวกัน ขบวนเดียวกัน ก็ไปเจอกันบนรถไฟ แล้วก็บังเอิญอีกครั้งหนึ่ง ไปแชร์ห้องแล้วก็ได้อยู่ห้องเดียวกัน ก็เลยได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน นานะคนแรกก็คือนานะที่มีความฝันเป็นนักดนตรีเนี่ยเค้าจะเป็นคนที่อาร์ทๆนะแต่งตัวตีสท์นะ แล้วก็ชอบใส่ชุดสีดำอะไรอย่างเงี่ย แล้วก็เป็นแนวเซอร์ๆหน่อย ไม่ค่อยอะไรกับใคร มีโรคส่วนตัวสูง แต่อีกคนหนึ่งเป็นแนวแบบอ่า….ช่างเพ้อฝันนะค่ะ คิคุอะโนเน๊ะ น่ารัก ต้องอยู่กับคนรัก คนรักต้อง.. แล้วสุดท้ายคนรักเค้าก็นอกใจเพราะว่าไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่มีความ เค้าเรียกว่า ความใกล้ชิด เลยทำให้คนนั้นเปลี่ยน(ไป) เค้าก็เลยเสียใจ แล้วก็อยู่ด้วยกัน แล้ววันหนึ่งก็แฟน(เก่า)ของคน คนนั้นนะที่เป็นนักดนตรีนะค่ะ เค้าก็เป็น ตอนนี้คือ เค้าเรียกว่าอะไร? เป็นแบนด์แล้วนะ เป็นวงดนตรีที่มีชื่อเสียง เค้าก็ไปดูกัน แล้วก็สุดท้ายแล้ว นานะคนที่เป็นนักดนตรีเนี่ย ก็สมหวังก็คือผู้ชายคนนี้ก็กลับมารักแล้วก็สมหวังกัน  กับอีกคนที่เพ้อฝัน เค้าบอกว่าไม่เป็นไร เค้าแค่เห็นเพื่อนเค้ามีความสุขก็ดีใจแล้ว เค้าก็ยังมีความใฝ่ฝันที่จะตามหาคนคนนั้นที่จะรักเค้าคนเดียวต่อไป ก็จบ (จบ)

Robinson Crusoe – Transcript

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=P1aTwMX2vZ4]

Robinson Crusoe

ก็เป็นคนหนึ่งชาว(หัวเราะ) สักอันหนึ่งอ่ะ(หัวเราะ) จำไม่ได้ไง จำได้แค่ว่าคือ เค้าง่ะเป็นคนที่ชอบ  ชอบการผจญภัย เค้าก็เลย  ที่จำได้ก็คือ เค้าออกไปแล่นเรือกับเพื่อนๆ  กับอะไรอย่างเงี่ย แล้วก็เหมือนแบบเกิดโดนโจรสลัดนะมาปล้น  แล้วเค้าก็ถูกจับไปเป็นเชลย แล้วเสร็จแล้วเค้าก็ แต่ว่าเจ้านายเค้านะเป็นคนดี ใจดีมากเลย พอเค้าถูกจับไปอะไรอย่างเงี่ยก็คือไปเป็นทาส แต่ว่าเค้าก็ไม่ได้แบบโหดร้ายทารุณอะไร อะไรชายคนนี้ นายเอแล้วกันบู๋จำชื่อไม่ได้ ไม่ได้ทารุณเอ แล้วพอมาวันหนึ่งเค้าก็ให้ออกไปแบบไปล่องเรือคือประมาณแบบว่ามีโอกาสที่จะหลบหนี เค้าก็เลยหลบหนีออกไปเสร็จแล้วปุ๊บก็เค้าก็เรือมันแบบไม่ได้ใหญ่อะไรมากอย่างเงี่ย มันก็เลยเหมือนแบบอับปราง แล้วก็ไปติดอยู่บนเกาะ เค้าก็อยู่บนเกาะคนเดียวคือคนอื่นนะตายหมดเลยอะไรอย่างเงี่ย เค้าก็อยู่บนเกาะคนเดียว แล้วก็พอเค้าตื่นขึ้นมาคือประมาณว่าก็อยู่บนเกาะที่ข้างรอบๆข้างก็มีแต่ทะเลอย่างเงี่ย เค้าก็ไม่รู้ต้องใช้ชีวิตอย่างไง ต้องทำอย่างไง เค้าก็เริ่มเรียนรู้ว่าอยู่บนนี้อันดับแรกก็ต้องสร้างๆบ้าน สร้างที่พัก สร้างที่อยู่ แล้วก็หาอะไรมากิน แล้วการจะหาอะไรกินก็ต้องเป็นผลไม้หรือว่าเป็นสัตว์ป่าที่อยู่ตรงนั้น แล้วก็น้ำก็ต้อง เค้าก็ต้องรู้จักที่จะจุดไฟแล้วก็มีหม้อ มีอะไรอย่างเงี่ยเพื่อที่จะเอามาต้มน้ำ เพราะถ้าเกิดกินน้ำที่มันมาจากน้ำทะเลหรือจากที่แบบตามแหล่งน้ำที่แบบตรงนั้นมันก็ต้องแบบไม่สะอาด แล้วก็อาจจะทำให้เค้าติดเชื้ออะไรอย่างงี้ได้ เค้าก็เลยแบบต้องหาหม้อมาต้ม แล้วเค้าจะหาหม้อจากไหน คือเค้าไม่มีอะไรเลย เค้าก็เลยแบบต้องเริ่มสร้างจากหินจากอะไรอย่างเงี่ยก็เอาหินมาแบบ เค้าเรียกว่าอะไรล่ะ ตีๆๆต่อยกันจนแบบเหลาให้เป็นไม้ เป็นมีดดาบ อะไรอย่างเงี่ย คือ เครื่องครัวอะไรต่างๆนาๆของเค้า คือเหมือนประมาณว่าบ้านหลังหนึ่งควรจะมีของอะไรบ้าง คือเค้าสร้างขึ้นมาเองหมดเลย แต่ว่าระยะเวลาในการสร้างก็คือ เค้าอยู่ที่นี้ประมาณ 27 ปี เพื่อที่จะสร้างพวกนี้ให้ครบหมดทุกอย่างเลย จนสุดท้ายสุดที่เค้านะหลบหนีออกมาจากเกาะนี้ได้ก็มีคนหนึ่งก็ ไม่ใช่มีคนหนึ่งก็กลุ่มหนึ่งเหมือนกัน เค้าเป็นเหมือนเป็นกัปตันเรือ แล้วเค้าก็ถูกจับโดยแบบมีแบบมีพวกที่ทรยศเค้าเนี่ยในเรือเดียวกันนี้ เค้าก็ถูกจับเอาไว้ เค้า(นายเอหรือRobinson)ก็เหมือนแบบไปช่วยคนเนี่ย(กัปตัน) แล้วคนเนี่ยก็เลยบอกว่า เออเนี่ย! ทำแผนกันว่าเค้า(กัปตัน) จะไปเอาเรือคืนอะไรอย่างเงี่ย ไปเอาเรือคืน แล้วถ้าเกิดเค้าส่งสัญญาณมานั้นแปลว่าสงบแล้วก็ให้เค้าออกไป แล้วเค้าก็จะพาไปกลับบ้านเค้าอะไรอย่างเงี่ย(เป็นคนประเทศเดียวกัน) แล้วสุดท้ายแล้วกัปตันนี้ก็ทำสำเร็จก็เลยพาเค้ากลับบ้านแล้วก็จับไอ้พวกที่ทรยศนั้นน่ะให้มันถูกจับอยู่เกาะแทนเงี่ย แต่พวก แต่ว่าพวกนี้ก็ยังโชคดีกว่าเค้าตอนที่เค้ามาครั้งแรกคือเค้าไม่มีอะไรเลย เค้าสร้างเองหมด แต่ตอนนี้พวกเนี่ยมาคือเค้าสร้างไว้ให้หมดแล้ว อย่างงั้นพวกนี้ก็ยังคงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่ว่ามันจะติดต่อกับใครไม่ได้เท่านั้นเอง แล้วเค้าก็ได้กลับบ้าน แต่สรุปสุดท้ายเค้าก็คิดว่าเค้าจะไม่ ไม่ล่องเรืออีกล่ะ จะไม่ทำอะไรอีกล่ะ ก็คือแบบจะอยู่ชีวิตเฉยๆธรรมดาๆ เรียบง่ายอะไรอย่างเงี่ย แต่การที่เค้ากลับไป 27 ปีที่เค้าไม่อยู่ พอเค้ากลับไป พ่อ แม่ ของเค้าก็ตาย พี่ชายเค้า ญาติเค้าก็คือตาย(ไป)หมดเลย เหลือแต่หลาน หลานกับลูกของพี่ชาย(หลานอีกคน) ก็ประมาณ 2 คนเท่านั้นแหละที่เค้า(ไป)อยู่ด้วย แล้วสรุปสุดท้ายหลานเค้าคนโตเนี่ยก็ชอบเหมือนกัน ชอบเหมือนกับเค้าก็เลยแบบชวนเค้าออกไปล่องเรืออีกครั้งหนึ่ง เค้าก็เลยได้ออกมาผจญภัยอีกครั้งหนึ่งเนี่ย เค้าก็เลยคิดว่าเองเค้านะเป็นเรื่องที่แปลก เรื่องที่แปลกที่วันหนึ่งจะต้องเอามาเขียนเป็นหนังสืออะไรอย่างเงี่ย แล้วก็เอามาขายได้ อะไรอย่างเงี่ย อืมมม จบล่ะ

Today (Boo) – Transcript

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=hRc-CIoibmY]

 

Here’s the transcript for my talk with Boo.

(อ่า ! วันนี้ วันนี้ไปทำอะไรมา) ก็ตื่นสายเพราะเมื่อคืนไปกินเบียร์มา(ที่ไหน) กินตรงเนี่ย เดหลีนี่ ไปกินกับพี่ กินเยอะไปหน่อย(หัวเราะ) ก็ตื่นตั้งแต่ ตื่นตั้งแต่(อืม..กี่โปรล่ะ) 2 (2 โปร) แต่บู๋กินไม่หมดหรอก มีใครบางคนกินเยอะกว่า(หัวเราะ)แถวๆนี้นะ ไม่ก็มันตื่น แบบปกติถ้ากินเยอะแล้วมันจะร้อน แล้วมันจะตื่นเองนะ ก็วันนี้ตื่นมาตีห้า ตื่นตีห้าเสร็จแล้วปุ๊บก็ร้อน อยู่ไม่ได้ก็ไปเปิดแอร์แล้วนอนต่อ แล้วก็ตื่นมาอีกทีเก้าโมงกว่า เพราะว่าจริงๆแล้วมีเรียนสิบโมง ก็เลยทำให้ late (เรียนอะไรล่ะ 10 โมง) เรียน…ภาษาอังกฤษ ก็เลย late นิดหนึ่ง ติ๊กไปเคาะประตู แล้วบอกรอแป๊บหนึ่ง(หัวเราะ) เพราะว่าบู๋ไม่ทัน ติ๊กก็เลยต้องรอ แล้วเสร็จแล้วก็ไปเรียนภาษาอังกฤษประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็เสร็จประมาณสิบเอ็ดโมงครึ่ง หลังจากนั้นก็ไปซื้อข้าว แล้วก็ไปส่งข้าว(หัวเราะ) เสร็จแล้วน้าก็โทรมาบอกว่าอยู่ที่ MK ให้ตามไปแล้วก็ไปกินข้าวกับน้าก็เลยช้าไง(อ้าว! ซื้อข้าวมาแล้วไปกินข้าว) ซื้อข้าวมาให้คนอื่น(ไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเอง) ไม่ได้ซื้อให้ตัวเอง ก็เอาก้านเห็ดมาให้ติ๊ก แล้วก็ แล้วก็(เออๆๆก้านเห็ดคืออะไรก็คนที่ฟังเค้าไม่รู้)ก้านเห็ดก็คืออาหารเจอย่างหนึ่ง อร่อย อร่อยมากเลย แนะนำก้านเห็ดอยู่หน้าคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชื่อร้านมังสาวิรัต เยี่ยม! อร่อยมาก อืม.. แล้วเสร็จแล้วก็ไปกับน้าไปกินMKแล้วไม่กล้าเร่งน้าไงก็เลยช้า late (แล้ว MK คืออะไร) คือสุกี้ยากี้ คือมันเป็นร้านอาหารที่เป็นแบบสุกี้ง่ะ หม้อต้มเค้าน่าจะรู้จักมั้ง อืม (เออ!ไม่เคยมาจะรู้จักได้ไงหน้อ) เออ!หน้อ มีหม้อต้มแล้วก็เอาใส่ๆๆสรรพสิ่งอย่างลงไปเงี่ย หมู เนื้อ ไก่ ปลาหมึกลงไปก็กิน แล้วกินกับน้าเสร็จประมาณชั่วโมงหนึ่งแล้วก็เสร็จประมาณบ่ายโมงอย่างเงี่ย แล้วก็ไปดูรอบหนัง ไปดูเรื่องจีจ๊า แล้วหนังนะมีรอบเที่ยงครึ่งกับบ่ายโมงสี่สิบห้าก็เลยจำเป็นต้องดูบ่ายโมงสี่สิบห้าเพราะรอบเที่ยงครึ่งไม่ทันแล้วเงี่ยืเสร็จก็เกือบสี่โมงเมื่อกี้ก็รีบมาเนี่ยแหละเพราะว่ามัน late ไง ก็ต้องขอโทษด้วย(late กี่นาที) late ประมาณ 20 นาที(อืม) อืม..ก็มัน late มาตั้งแต่แรกแล้วไงก็เกรงใจน้าน้าเค้าอุตส่าห์มา เค้าก็บอกให้ไปกินด้วยกัน อย่างไง(ก็ไม่เป็นไร คราวหน้าก็โทรมาบอกก่อนเดี๋ยวน่าจะ late หรือป่าวจะ late สักกี่นาทีหรือครึ่งชั่วโมง) เมื่อกี้ส่งmessage มาบอกแล้วไง (ส่ง message wait a minute) 555+++ก็คิดว่ามันจะจบแล้วไง ก็จริงๆมันต้องจบแบบต้องจบบ่ายสามโมงครึ่งไง(ตามกำหนดการที่ควรจะเป็น คิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา) แล้วมันก็ late ไปสิบห้านาที(ก็แล้วทำไมไม่บอกก่อน……….)