thai language Archives - Page 5 of 11 - Learn Thai from a White Guy

Slot Machine – ผ่าน

If you aren’t much of a reader to begin with, reading in a different language isn’t likely to change things.  How about music lyrics?

You should look up this song on youtube.

I’ll explain the chorus and give vocab for everything else, but I’d rather not translate it all.

 

ไม่ว่าเจอสิ่งใด เนิ่นนานไปก็แปรเปลี่ยน สักวัน

เคยวิ่งตามความฝัน แต่บางครั้งก็ต้องหยุด แค่นั้น

เมื่อก่อนเคยรัก เคยผูกพัน

แต่มาวันนี้เหมือนเป็นเพียง คนเคยได้รู้จักกัน

วันนี้มีสุขใจ แต่ต่อไปสักวันคง วุ่นวาย

หากความทุกข์ทนจางหาย อาจจะมองเห็นความสุข อีกครั้ง

จึงทำให้ฉัน ได้เข้าใจ

ทุกสิ่งเปลี่ยนผันสักเท่าไร ฉันจะก้าวเดินต่อไป

อย่าลืมเรื่องราวที่ผ่านที่เคยได้เจ็บช้ำ

ยังมีเรื่องราวที่ดีที่เคยได้จดจำ

เก็บคืนและวันที่ผ่านที่เคยได้ปวดร้าว

ยังมีเรื่องราวที่ดีที่รอให้จดจำ

วันที่ทำผิดไป อาจเจอใครที่เข้าใจ สักคน

ในความมืดมนสับสน อาจเจอคนที่จริงใจ ไม่ยากนัก

จึงทำให้ฉัน ได้มั่นใจ

ทุกสิ่งเปลี่ยนผันสักเท่าไร ฉันจะก้าวเดินต่อไป

อย่าลืมเรื่องราวที่ผ่านที่เคยได้เจ็บช้ำ

ยังมีเรื่องราวที่ดีที่เคยได้จดจำ

เก็บคืนและวันที่ผ่านที่เคยได้ปวดร้าว

ยังมีเรื่องราวที่ดีที่รอให้จดจำ

ในความมืดมิดยังมีดวงดาว

และแดดยามเช้าพาให้เราก้าวไป

อย่าลืมเรื่องราวที่ผ่านที่เคยได้เจ็บช้ำ

ยังมีเรื่องราวที่ดีที่เคยได้จดจำ

เก็บคืนและวันที่ผ่านที่เคยได้ปวดร้าว

ยังมีเรื่องราวที่ดีที่รอให้จดจำ
***********************************************************************************************

อย่าลืม  don’t forget (about)

เรื่องราว  story; tale

ที่ผ่าน  that has passed

ที่เคยได้เจ็บช้ำ that hurt us in the past

ยังมีเรืองราวที่ดี  there are still good things

ที่เคยได้จดจำ  things (worth) {to} remember(ing)

เก็บคืนและวัน hold onto the nights and the days…

ที่ผ่าน that passed…

ที่เคยได้ปวดร้าว  that hurt so much

ยังมีเรืองราว we still have  ( the parts of our story; our history)

ที่ดี  that are good

ที่รอใ้ห้จดจำ that we can (look forward) to remembering  **This line may confuse some of you, but the  รอใ้ห้จดจำ implies an eagerness to have memories of things yet to come.

So if I were to English-ify the meaning of chorus so you could sing it in English, it might go something like this:

Don’t fooor-get   ’bout us

’bout all we’ve been through

there was some good we should ….  should still remember

allll thooose nights and days we had together

there’s still some more good things we can remember (yet to come)

*************************************************************

Vocab –

ไม่ว่า no matter 

เจอ meet, encounter

สิ่งใด     anything

เนิ่นนาน(ไป)  (after) a long time

ก็    then…

แปรเปลี่ยน change

สักวัน     someday

วิ่งตามความฝัน to go after your dreams 

แต่ but

บางครั้ง sometimes

ก็  well…

ต้องหยุด  you gotta stop

แค่นั้น that’s all

เมื่อก่อน  before

เคยรัก  there was love/we had love

เคยผูกพัน we had something together (lit. we were tied)

แต่มาวันนี้  but now…(but come today)

เหมือนเป็นเพียง  its like there is only…

คนเคยได้รู้จักกัน  (2) people who just used to know each other

วันนี้มีสุขใจ  everythings ok today (for now)

แต่ต่อไป  สักวัน  but someday (in the future)

คง   will probably

วุ่นวาย   be a mess

Chorus

หาก  if

ความทุกข์ทน suffering

จางหาย fades away 

อาจจะ maybe

มองเห็น see

ความสุข happiness

อีกครั้ง once more

จึง   then

ทำให้ฉัน it will enable me

ได้เข้าใจ to understand

ทุกสิ่ง everything

เปลี่ยนผัน changes

สักเท่าไร  to some extent ( at least a little)

ฉันจะ  I will

ก้าวเดิน move on (lit. step+walk)

ต่อไป forward/onward 

CHORUS

วันที่ทำผิดไป อาจเจอใครที่เข้าใจ สักคน

ในความมืดมนสับสน อาจเจอคนที่จริงใจ ไม่ยากนัก

จึงทำให้ฉัน ได้มั่นใจ

ทุกสิ่งเปลี่ยนผันสักเท่าไร ฉันจะก้าวเดินต่อไป

I Also Speak English Sometimes

Not too often though.  This is a vid about tones.  It got cut off when the mem card filled up and I never finished it.  Its a bit raw. I’m away for a few days so it will just have to do.

 

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=GZkNHDa7Ri8]

Another LTfaWG Video

I’m off-camera this time interviewing someone else.

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=jqhCSLla19c]

As requested, here are some potentially SRS-worthy vocabulary from the clip:

  • อากาศไม่สะอาด       the air isn’t clean
  • เพิ่งกลับมาเมื่อวาน   I just got back yesterday
  • พูดดัง                         speak up/speak louder
  • ไกล้ (จะ) สอบ แล้ว   almost time for exams
  • Mau ke mana?        where are ya going?
  • Mau belanja.          Going to the market.
  • Bagaimana.             Its good/I’m good.
  • Apa kabar?              Whats new?
  • ที่อินโดมีศาสนาอะไรบ้าง    What religions to they have in Indonesia?
  • ค้นหา คือ search       ค้นหา means (to) search
  • ไ ปนานมี้ย                       did you go for long?
  • พูดไ ด้รึยัง                 So then can you speak (something yet)? **refers to Bahasa Indonesia

Abilities

This post is about the tv drama series, Heroes and includes a breakdown of the Thai wiki’s description of the superhero abilities that appear in the show.
Let’s go over some of those abilities from the Thai wiki.  I’ll give you a few words to start and a few more in the middle as needed.
If you can’t read the Thai alphabet yet, go sign up here to try out some free lessons from my basic online Thai program which covers all the core skills you need to start reading and speaking Thai.
Starting Vocab:
เอก – means ‘1’ ..used to refer to the ‘star’ of something
ความสามารถ – ability (ผู้มีความสามารถ)
ภาค – season (also used in movies “I was a stand-in in Rambo ภาค 4”)
ตำนาน – legend; tale
เช่นเดียวกันกับ – just like ….
  • ปีเตอร์ เพเทรลลี่(ไมโล เวนทิมิกเลีย) (ภาค 1,2) ตัวละครเอกของเรื่อง มีความสามารถในการดูดซับความสามารถของผู้อื่น ที่เขาอยู่ใกล้หรือเคยเห็นความสามารถนั้นๆ
  • เนธาน เพเทรลลี่(เอเดรียน พาสดาร์) (ภาค 1,2) พี่ชายของปีเตอร์, พ่อของแคลร์ มีความสามารถในการเหาะเหิน
  • แคลร์ เบนเนท(แฮเดน พาเนทเทียร์) (ภาค 1,2)เชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียนไฮสคูลที่โอเดสซา เทกซัส เป็นลูกเลี้ยงของโนอาฮ์ เบนเนท, ลูกสาวของเนธาน เพเทรลลี่ มีความสามารถในการสร้างเซลล์ใหม่
  • โนอาฮ์ เบนเนท(แจ็ค โคล์แมน) (ภาค 1,2) พ่อบุญธรรมของแคลร์
  • โมฮินเดอร์ เซอร์เรช(เซนด์ฮิล รามามูร์ธิ) (ภาค 1,2) ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรม ได้เดินทางจากอินเดียมาที่นิวยอร์ก เพื่อมาสืบหาสาเหตุของการเสียชีวิตของพ่อเขา ในเลือดของเขามีสารที่สามารถต่อต้านไวรัส ที่ผู้มีความสามารถกำลังติดเชื้อไวรัสนั้นอยู่
  • ไอแซค เมนเดซ(ซานติเอโก คาเบรรา) (ภาค 1) จิตรกรผู้มีความสามารถในการวาดภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเป็นผู้เขียนการ์ตูนเรื่อง 9th Wonders!
  • อันโด มาซาฮาชิ(เจมส์ ไคสัน ลี) (ภาค 1,2) เป็นเพื่อนสนิทของฮิโระ นาคามูระ แต่ไม่รู้เรื่องความสามารถของผู้อื่น
  • ฮิโระ นาคามูระ(มาซิ โอกะ) (ภาค 1,2) โปรแกรมเมอร์ที่โอซากา ญี่ปุ่น มีความสามารถในการควบคุมกาลเวลา
  • อดัม มอนโร/ทาเคโซ เคนไซ(เดวิด แอนเดอร์ส) (ภาค 2) ชาวอังกฤษผู้สร้างตำนานแห่งนักรบเคนไซในญี่ปุ่น มีความสามารถในสร้างเซลล์ใหม่ เช่นเดียวกันกับแคลร์
  • แมทท์ พาร์คแมน(เกรก กรันเบอร์ก) (ภาค 1,2) ตำรวจ นครลอสแอนเจลิส ผู้มีความสามารถในการอ่านจิตใจของผู้อื่น และได้มีการพัฒนาศักยภาพของความสามารถ จนสามารถควบคุมความคิดของผู้อื่นได้
  • ดี.แอล. ฮอว์คินส์(ลีโอนาร์ด โรเบิร์ทส) (ภาค 1,2) สามีของนิกิ, พ่อของไมคาฮ์ มีความสามารถในการทะลุผ่านสิ่งกีดขวาง
  • นิกิ แซนเดอร์ส(อาลิ ลาร์เทอร์) (ภาค 1,2) นางโชว์ทางอินเทอร์เน็ต มีความสามารถในการใช้พลังเหนือมนุษย์และมีหลายบุคลิก
  • ไมคาฮ์ แซนเดอร์ส(โนอาฮ์ เกรย์-คาเบย์) (ภาค 1,2) เด็กอัจฉริยะ ผู้มีความสามารถในการสื่อสารและควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • โมนิกา ดอว์สัน(แดนา แดวิส) (ภาค 2) หลานสาวของดี.แอล. มีความสามารถในการเลียนแบบพฤติกรรมที่เธอเคยเห็น
  • มายา เฮอเรอรา (ดาเนีย รามิเรซ) (ภาค 2) มีความสามารถในการแพร่กระจายพิษ ที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เวลาที่เธอร้องไห้
  • เอลล์ บิชอป(คริสเตน เบลล์) (ภาค 2) ลูกสาวของบ็อบ หนึ่งใน the company มีความสามารถในการปล่อยพลังงานไฟฟ้า
  • ไซลาร์ (ซาชารี ควินโต) (ภาค 1,2) ตัวร้ายของเรื่อง ชื่อจริง คือ เกเบรล เกรย์ เป็นนักซ่อมนาฬิกา มีความสามารถในการดูดซึมความสามารถของผู้อื่น โดยการฆ่าผู้อื่นแล้วดูดซึมพลังนั้นๆ มา ชื่อ“ไซลาร์”นั้นมาจาก ยี่ห้อของนาฬิกาที่เกเบรลกำลังซ่อมอยู่

Peter – ดูดซับ – absorb (suck+sop/soak)  – so Peter can ดูดซับความสามารถของผู้อื่น

Nathan – การเหาะเหิน flight

Claire เป็นลูกเลี้ยง (adopted) and can สร้างเซลล์ใหม่ (regenerate cells)

Noah – พ่อบุญธรรม (adoptive father)
Mohinder –
ศาสตราจารย์  – Professor  (science+teacher – อ)
ผู้เชี่ยวชาญ  – expert
ด้าน            – side, field
พันธุกรรม   – genetics/heredity
สืบหา      –  investigate
สาเหตุ       – cause; reason
การเสียชีวิตของพ่อเขา – death of his father
ต่อต้านไวรัส –  resist/fight a virus
ติดเชื้อไวรัส – to be infected with a virus
Issac – จิตรกร – artist
วาดภาพ draw pictures
ที่จะเกิดขึ้น that will happen
ในอนาคต  in the future
Hiro – ควบคุมกาลเวลา – control time
Matt – การอ่านจิตใจ – mind- reading
พัฒนา  develop
ศักยภาพ potential
ของความสามารถ  of ability
ควบคุมความคิดของผู้อื่น control someone elses thoughts
D.L. – การทะลุผ่านสิ่งกีดขวาง
ทะลุ to go through; to penetrate
ผ่าน to pass
กีดขวาง obstacles
Niki – พลังเหนือมนุษย์และมีหลายบุคลิก
พลัง  – power
เหนือมนุษย์  super human (mnemonic : North of human)
หลายบุคลิก – multiple personalities
Micah –  เด็กอัจฉริยะ ผู้มีความสามารถในการสื่อสารและควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า
 เด็กอัจฉริยะ – child genius
การสื่อสาร  communication
 ควบคุม      control
เครื่องใช้ไฟฟ้า  machines that use electricity
Monica  มีความสามารถในการเลียนแบบพฤติกรรมที่เธอเคยเห็น
เลียนแบบ imitate
พฤติกรรม behavior
Maya – มีความสามารถในการแพร่กระจายพิษ ที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เวลาที่เธอร้องไห้
แพร่กระจายพิษ – spread poison
power to release electrical energy
Sylar – ตัวร้ายของเรื่อง มีความสามารถในการดูดซึมความสามารถของผู้อื่น โดยการฆ่าผู้อื่นแล้วดูดซึมพลังนั้นๆ มา ชื่อ“ไซลาร์”นั้นมาจาก ยี่ห้อของนาฬิกาที่เกเบรลกำลังซ่อมอยู่
ตัวร้ายของเรื่อง – antagonist
มีความสามารถ – has the ability ..
ดูดซึมความสามารถของผู้อื่น  to absorb other’s powers
โดยการฆ่าผู้อื่น – by killing others…
ยี่ห้อ brand (name)

Learning to Read – Again

Reading in a new language can seem rather daunting, even painful at times. Some people preach that there are ways around this, but after a year and a half of trying to become fluent in Japanese by reading stuff that would be considered difficult, I haven’t found it yet. The truth is that I don’t read much these days. Getting new English books here always seems to be too much of a hassle. And here I’ve been trying to read whatever Japanese books I could get my hands on. Manga, language learning theories, fiction, old literature, etc. What I’ve discovered is that it was a mistake to read manga or old literature or whatever solely because it was manga (or something) and it was in Japanese. I just wasn’t getting into it. So, what the hell can I read?

Because of the enormous amount of time and exposure required, the last thing we want to spend as little time as possible being bored, frustrated, angry or what not.

I started by asking myself a very important question – “What did I used to read back in the day?”
Lots of Stephen King. So, I went to amazon.jp and ja.wikipedia.org and started to read about Stephen King books that I’ve read in the past and know pretty well. Reviews, summaries, character descriptions, etc. And its been great. Even though every single page has plenty of words that I don’t know, I know enough that can skip as many of those words as I want. I mine everything for sentences of things that I want to see again in my SRS. But the two most important things going on here are that I’m enjoying reading, and I am READING. I only read as long as it stays interesting. If I start spacing out or getting bored or frustrated…I do something else, or go look for something else to read. I can always come back to the current one if I feel like it.

So anyways, I’ve devoured a lot of Stephen King stuff in the past few days and tonight I’m poking around summaries of Star Wars and Robocop. I also really wanna get my hands on some of the Jp translations of SK’s books.

Anyways, how does this help you? Well, I’d say Thai is more limited than Japanese as far as I know in regards to translations from English when it comes to books. However, there are loads of movies and tv series to work with. So as I’m writing this, Lost is on tv so I figured that was good enough to start with. If you watch that, or Prison Break, Heroes or what not, we might have some material to work with.

So again, how do we go about reading this stuff when we still suck? And don’t forget we are mining SRS material as we go. Let’s do some a couple quick lines…

First sentence from the Prison Break Wiki
Prison Break เป็นซีรีส์แอ็กชัน ดราม่า ทางโทรทัศน์ ออกอากาศครั้งแรกทางช่องฟ็อกซ์
This one is full of SRS goodness. What have we got?

Prison Break เป็นซีรีส์  – PB is a series

Prison Break เป็นซีรีส์แอ็กชัน PB is an action series

Prison Break เป็นซีรีส์ดราม่า PB is a drama series

Prison Break เป็นซีรีส์ ทางโทรทัศน์  PB is a tv series

PB เป็นซีรีส์ออกอากาศครั้งแรกทางช่องฟ็อกซ์ – PB is a tv series that was first broadcast on/by Fox.  

Get the idea yet?  Let’s look at the the first line from the Lost Wiki.  A bit longer you may notice.  

Lost เป็นดราม่าซีรีส์ที่อเมริกา ที่มีเนื้อหากล่าวถึงผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก บนเกาะลึกลับ 

See anything from the Prison Break sentence in this one?

Lost เป็นดราม่าซีรีส์ – Lost is a drama series

Lost เป็นดราม่าซีรีส์ที่อเมริกา – Lost is a drama series in America

Lost เป็นซีรีส์ ที่มีผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก = Lost is a series about survivors of a plane crash

Lost เป็นซีรีส์ ที่มีผู้รอด เครื่องบินตก บนเกาะ – Lost is a series of plane crash survivors on an island

บนเกาะลึกลับ – on a mysterious island 

Tear apart the sentence until its only got 1 thing it in you don’t know.  And if you are still trying to practice reading at a basic level then keep the phrases really short, but don’t waste time with single words.  Words out of context are forgotten too easily.   There isn’t anything wrong with having a few of the same sentence with only one word changed.

Now, go try and skim through a few of those.  Set goals.  Mine 3-5 flashcards/day.  You don’t need to SRS everything and there isn’t much point to try to do too much at once anyways.  Just SRS stuff that you see a lot of and want to remember or anything that jumps out at you. Its always ok to delete sentences later.  And when you get up into the thousands – you will, often.