By Difficulty Archives - Page 16 of 23 - Learn Thai from a White Guy

Close Encounters

No breakdown for this one. Give it a shot. It isn’t hard – I promise. While I still feel like the Thai wiki is lacking in some areas, you can still find some fun stuff to read.

Here are a few words to help you out:

มนุษย์ต่างดาว – alien
หมายถึง – to mean; means; refers to
หลา – yard
จานบิน – I think you can figure this one out
เผชิญ – to meet; to encounter
ประสบการณ์ – to experience; to encounter
การติดต่อสื่อสาร – communication (contact + communicate)

การเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว

ได้มีการแบ่งประเภทการเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวไว้ 5 ระดับ คือ
การเผชิญหน้าระดับที่หนึ่ง (Close Encounters of the First Kind) หมายถึง การได้พบปะหรือเจอะเจอกับจานบินหรือมนุษย์ต่างดาวในระยะที่ไกลห่างออกไป เช่น จานบินลอยอยู่บนท้องฟ้า หรืออยู่ห่างจากผู้ที่พบเจอในระยะ 50 หลา เป็นต้น
การเผชิญหน้าระดับที่สอง (Close Encounters of the Second Kind) หมายถึง การพบปะกับจานบินหรือมนุษย์ต่างดาวคล้ายกับการเผชิญหน้าระดับที่หนึ่ง แต่อยู่ในระยะที่ใกล้ขึ้น เช่น อาจพบจานบินที่จอดอยู่บนพื้น เป็นต้น
การเผชิญหน้าระดับที่สาม (Close Encounters of the Third Kind) หมายถึง การได้เข้าไปในจานบินจะด้วยสาเหตุใดก็ตามแต่สามารถจดจำประสบการณ์ได้และสามารถออกมาได้
การเผชิญหน้าระดับที่สี่ (Close Encounters of the Fourth Kind) หมายถึง การที่ถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป อาจจะถูกทดลองด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา แต่สามารถจดจำประสบการณ์ได้และออกมาได้
การเผชิญหน้าระดับที่ห้า (Close Encounters of the Fifth Kind) หมายถึง การที่มีการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวในระดับที่เป็นกิจจะลักษณะ สามารถสื่อสารกันได้ความระหว่างมนุษย์โลกกับมนุษย์ต่างดาว

The Middle Class Story

The Middle Class Story

I came up with the middle class story is a quick hook to help total beginners quickly learn to recognize the 7 important Thai middle class consonants.  Although I had been teaching Thai for a few years at this point, it was the first time that I taught a large group and also the first time that I had to adapt my system for people who didn’t know any Thai at all.  It was definitely a catalyst for ramping up the effectiveness of my methodology.  If I could teach a bunch of American exchange students to read Thai, I could teach anybody.

ก็อักษรกลาง อักษรกลางภาษาไทยจะมีทั้งหมด 9 ตัว ก็จะมี  จ ด ต ฎ ฏ บ ป อ ซึ่งการจะจำแบบนี้ มันจะเป็นเรื่องที่ยาก Brett ก็เลยแนะนำวิธีการจำเป็นเรื่องเป็นราวให้ง่ายๆ ดังต่อไปนี้ ก็คือ มีเด็กอยู่ 1 คน เค้าชอบเลี้ยงสัตว์ซึ่งสัตว์ที่เค้าเลี้ยงจะมีอยู่ 3 ชนิดก็คือ มีลา มีเต่า แล้วก็มีไก่ ซึ่งทั้ง 3 ชนิดเนี่ย เด็กคนนี้ก็เลยต้องเลี้ยงให้มันสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ก็เลยเอาไปใส่ไว้ในอ่าง ซึ่งเป็นอ่างน้ำที่ใหญ่ๆ แล้วก็จะต้องเลี้ยงอาหารให้กับมันเพราะว่าไม่งั้นมันก็จะไม่มีชีวิตรอด ซึ่งอาหารที่เค้าจะให้ก็คือ ใไม้ แล้วถ้าเกิดว่าเราเลี้ยงมันแล้วเราไม่ ไม่ปิดมันเงี่ย มันก็จะทำให้มันสามารถหนีออกไปได้ใช่ไหม หลบหนีออกไปได้ ฉะนั้นเราต้องหาอะไรสักสิ่งหนึ่งมาปิด ซึ่งฝามันก็หายไปแล้ว ก็เลยใช้านที่มีอยู่ที่บ้านมาปิด ก็จะทำให้มันสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ในบ้านเรา ที่เราเลี้ยงได้ก็ จบ ก็จะมีครบหมดเลยทั้ง 9 ตัวลองไปหาดูในเรื่องราวเมื่อกี้ (อืม…)

หมายเหตุ….ตัว ฎ ฏ จะไม่มีเพราะมันออกเสียงเหมือน ด ต ตามลำดับอยู่แล้วเลยไม่มีในเรื่อง

 

Sentence Breakdown

ก็อักษรกลาง – So, these middle class consonants…

อักษรกลางภาษาไทยจะมีทั้งหมด 9 ตัว Thai has 9 middle class consonants.

ก็จะมี – They are..ก จ ด ต ฎ ฏ บ ป อ

ซึ่งการจะจำแบบนี้ – and so remembering them like this

มันจะเป็นเรื่องที่ยาก – can be difficult

Brett ก็เลยแนะนำวิธีการจำเป็นเรื่องเป็นราว – So Brett came up with a story

ให้ง่ายๆ – to make it easier.

ดังต่อไปนี้ – As follows…

ก็คือ มีเด็กอยู่ 1 คน – So there is this kid…

เค้าชอบเลี้ยงสัตว์ – and he likes keeping pets.

ซึ่งสัตว์ที่เค้าเลี้ยงจะมีอยู่ 3 ชนิด and he has 3 different pets (kinds).

ก็คือ มีลา He’s got a fish.

มีเต่า a turtle

แล้วก็มีไก่ and a chicken

ซึ่งทั้ง 3 ชนิดเนี่ย and so all 3 of these animals

เด็กคนนี้ – so this kid

ก็เลยต้องเลี้ยงให้มันสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ – takes care of all of these animals

ก็เลยเอาไปใส่ไว้ในอ่าง and keeps them in a basin (that shower bucket thing)

ซึ่งเป็นอ่างน้ำที่ใหญ่ๆ a big bucket/basin

แล้วก็จะต้องเลี้ยงอาหารให้กับมัน – and of course he needs to feed them

เพราะว่าไม่งั้นมันก็จะไม่มีชีวิตรอด because if he didn’t how would they survive?

ซึ่งอาหารที่เค้าจะให้ก็คือ and he feeds them

ไม้ leaves

แล้วถ้าเกิดว่าเราเลี้ยงมันแล้วเราไม่ so if we have these animals

ไม่ปิดมันเงี่ย and we don’t close/cover (up the basin)

มันก็จะทำให้มันสามารถหนีออกไปได้ใช่ไหม they’d be able to get out (of the basin where they are kept) right?

หลบหนีออกไปได้  they’d be able to escape

ฉะนั้นเราต้องหาอะไรสักสิ่งหนึ่งมาปิด – so we need to have something to cover the basin with

ซึ่งฝามันก็หายไปแล้ว – but we lost the lid

ก็เลยใช้าน – so we use a plate

ที่มีอยู่ที่บ้านมาปิด from the house to close it up

ก็จะทำให้มันสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ในบ้านเรา which allows them to stay in the house

ที่เราเลี้ยงได้ก็ จบ so we can take care of them.  That’s it.

ก็จะมีครบหมดเลยทั้ง 9 ตัว Oh, and there are actually 9 letters in all.

ลองไปหาดูในเรื่องราวเมื่อกี้ (อืม…) But if you check the story I just told…

หมายเหตุ….ตัว ฎ ฏ the reason the othe other 2 letters ฎ ฏ

จะไม่มี are left out

เพราะมันออกเสียงเหมือน ด ต  because they sound the same as ด and ต

Nana

Nana the Movie
นานะเป็นการ์ตูน เอ้ย!ไม่ใช่การ์ตูน เป็นหนัง น่าจะเป็นหนังญี่ปุ่น(อ้าวเหรอ) เออ!เพราะว่าเพลงที่ขึ้นเป็นเพลงญี่ปุ่น ชื่อ? แน้!รู้เพลงญี่ปุ่นด้วย 55++ เสร็จแล้ว เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิง 2 คน ที่มีชื่อเหมือนกัน คนหนึ่ง (อ่า…ก็เคยดูเหมือนกันนะ) เออ!คนหนึ่งนะจะมีความฝันจะเป็นนักดนตรี (รู้ล่ะ) ที่มีชื่อเสียง(อือฮือ!) แต่อีกคนมีความฝันอยากจะเป็นคนที่ถูกรัก โดยที่แบบ คือ….เพ้อเจ้อหน่อยๆนะเรื่องของความรัก สองคนนี้พอดีได้ไปโตเกียว ไปเที่ยวรถ รถไฟคันเดียวกัน ขบวนเดียวกัน ก็ไปเจอกันบนรถไฟ แล้วก็บังเอิญอีกครั้งหนึ่ง ไปแชร์ห้องแล้วก็ได้อยู่ห้องเดียวกัน ก็เลยได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน นานะคนแรกก็คือนานะที่มีความฝันเป็นนักดนตรีเนี่ยเค้าจะเป็นคนที่อาร์ทๆนะแต่งตัวตีสท์นะ แล้วก็ชอบใส่ชุดสีดำอะไรอย่างเงี่ย แล้วก็เป็นแนวเซอร์ๆหน่อย ไม่ค่อยอะไรกับใคร มีโรคส่วนตัวสูง แต่อีกคนหนึ่งเป็นแนวแบบอ่า….ช่างเพ้อฝันนะค่ะ คิคุอะโนเน๊ะ น่ารัก ต้องอยู่กับคนรัก คนรักต้อง.. แล้วสุดท้ายคนรักเค้าก็นอกใจเพราะว่าไปอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่มีความ เค้าเรียกว่า ความใกล้ชิด เลยทำให้คนนั้นเปลี่ยน(ไป) เค้าก็เลยเสียใจ แล้วก็อยู่ด้วยกัน แล้ววันหนึ่งก็แฟน(เก่า)ของคน คนนั้นนะที่เป็นนักดนตรีนะค่ะ เค้าก็เป็น ตอนนี้คือ เค้าเรียกว่าอะไร? เป็นแบนด์แล้วนะ เป็นวงดนตรีที่มีชื่อเสียง เค้าก็ไปดูกัน แล้วก็สุดท้ายแล้ว นานะคนที่เป็นนักดนตรีเนี่ย ก็สมหวังก็คือผู้ชายคนนี้ก็กลับมารักแล้วก็สมหวังกัน  กับอีกคนที่เพ้อฝัน เค้าบอกว่าไม่เป็นไร เค้าแค่เห็นเพื่อนเค้ามีความสุขก็ดีใจแล้ว เค้าก็ยังมีความใฝ่ฝันที่จะตามหาคนคนนั้นที่จะรักเค้าคนเดียวต่อไป ก็จบ (จบ)

Nickname – Transcript + Breakdown

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=ODP3FC4YDgI]

ฉายา ก็คือเป็นลักษณะของคำ ที่เหมือนเป็นชื่ออีกชื่อหนึ่งที่ใช้เรียกคน อย่างเช่น สมมติว่า บู๋นะเป็นคนตลก หัวเราะง่าย อย่างปกติเดินเข้าคณะ เดินเข้าไปในห้องแลปปุ๊บ!ก็หัวเราะโดยที่ไม่มีสาเหตุ เสร็จแล้ว ก็เป็นอย่างงี้ทุกวัน ทุกวัน จนพี่ที่ห้องแลปเค้าก็เลยบอกว่า เออ!เนี่ยบู๋นะต้องกินกัญชาอะไรมาแน่เลย ทำไมมันหัวเราะทุกวันเลย แล้วพอมาวันนี้ พอบู๋จะเดินออกจากห้องแลป บู๋ก็บอกว่า “ไปแล้วนะค่ะพี่ๆ บ๊ายบาย ” อย่างเงี่ย พี่คนหนึ่งก็พูดขึ้นมา “จะกลับแล้วเหรอบู๋เชิญยิ้ม”อย่างเงี่ย คือเหมือนเป็นฉายาหนึ่งที่ตั้งแบบลักษณะของคน ที่เด่นๆของคนคนนี้ว่าเค้ามีลักษณะแบบไหน แล้วก็ให้ชื่อคนนั้นไป อันนี้คือคำว่าฉายา ของบู๋ก็มีฉายาว่าบู๋เชิญยิ้ม ซึ่งตอนแรกมีมาตั้งแต่สมัยเรียนป.ตรีแล้ว มีเพื่อนเคยเรียก แต่ไม่มีใครเรียกมานานแล้ว เพราะจบไปแล้วไง อืม…แล้วพอมาเรียนป.โท ไม่คิดว่าจะมีคนเรียก ตกใจเลยนะ หันไป ทำไมเค้าถึงเรียกอย่างเงี่ย แล้วเค้าก็บอกว่า ก็บู๋หัวเราะได้ทุกวัน จบ

ฉายา nickname

ก็คือ well, it’s..

เป็นลักษณะของคำ it’s a ลักษณะ of a word

ที่เหมือนเป็น thats the same as

ชื่ออีกชื่อหนึ่ง another name

ที่ใช้เรียกคน that’s used to call someone

อย่างเช่น For example…

สมมติว่า let’s assume that..

บู๋นะเป็นคนตลก I’m kinda funny

หัวเราะง่าย and I laugh easily

อย่างปกติ as usual

เดินเข้าคณะ I’m going into my faculty

เดินเข้าไป I walk into ..

ในห้องแลป the lab and

ปุ๊บ! ก็หัวเราะ bam (suddenly), I start laughing

โดยที่ไม่มีสาเหตุ without really having a reason…

ก็เป็นอย่างงี้ทุกวัน and so it goes like this every day

ทุกวัน every day

จน until

พี่ที่ห้องแลป a พี่ from my lab..

เค้าก็เลยบอกว่า He goes and says….

เออ!เนี่ยบู๋นะต้องกินกัญชาอะไรมาแน่เลย Jeez Boo, you must be smoking something..

ทำไมมันหัวเราะทุกวันเลย why are you always laughing?

แล้วพอมาวันนี้ and then this one day comes…

พอบู๋จะเดินออกจากห้องแลป and as soon as I’m walking out of the lab…

บู๋ก็บอกว่า I say…

“ไปแล้วนะค่ะพี่ๆ บ๊ายบาย ”  I’m heading out.  Cya.

อย่างเงี่ย like this

พี่คนหนึ่งก็พูดขึ้นมา and my พี่ yells out…

“จะกลับแล้วเหรอบู๋เชิญยิ้ม” Leaving already บู๋เชิญยิ้ม ? (<—ฉายา)

อย่างเงี่ย like that

คือเหมือนเป็นฉายาหนึ่ง  its like a nickname

ที่ตั้งแบบลักษณะของคน that is based on the characteristics (personality and/or physical)

ที่เด่นๆของคน that stand out

คนนี้ว่า and as for me (this person..)

เค้ามีลักษณะแบบไหน what am I like?

แล้วก็ให้ชื่อคนนั้นไป well, I was given that name

อันนี้คือคำว่าฉายา this is ฉายา

ของบู๋ก็มีฉายาว่าบู๋เชิญยิ้ม and my ฉายา is บู๋เชิญยิ้ม

ซึ่งตอนแรกมีมาตั้งแต่สมัยเรียนป.ตรีแล้ว which started up while I was in college..

มีเพื่อนเคยเรียก some friends used to call me that

แต่ไม่มีใครเรียกมานานแล้ว but nobody has used it in a while

เพราะจบไปแล้วไง ’cause I’ve already graduated…

อืม…  yea…

แล้วพอมาเรียนป.โท and then I started studying for my masters..

ไม่คิดว่าจะมีคนเรียก and I didn’t think anybody would call me that (anymore)

ตกใจเลยนะ its kinda surprising

หันไป looking back

ทำไมเค้าถึงเรียกอย่างเงี่ย why did they call me that?

แล้วเค้าก็บอกว่า Well, I’d say it’s because

ก็บู๋หัวเราะได้ทุกวัน I laugh every day.

จบ That’s it.

Remembering the Middle Class Consonants

I came up with this story the other day while making flashcards for one of my students.  Mnemonics are great.

In order for this mnemonic to work properly, you should try to imagine the story in your mind.  Pictures you make in your head are easier to remember than actual images.

To reinforce it you might make SRS cards to quiz you on the story.   Ex – Q – What pets does the middle class kid keep?  A ปลา ไก่ เต่า

There is a middle class kid (เด็ก) who likes to keep pets.

He has a fish (ปลา), a turtle (เต่า) and a chicken (ไก่).

Where does he keep these pets?  In his basin (อ่าง) of course.  (Actually try to imagine a big bucket with a chicken, a turtle and a fish swimming around inside it always bumping into each other)

He needs to feed the pets.  They eat leaves (ใบ ไม้).

Also, he needs to make sure they don’t get out so he keeps a big plate (จาน) on top of the อ่าง.

Yes, I left out the other 2 as they aren’t vital when you first start reading.  If you are solid on this story its easy to add in the other ones.