I picked it up while I was in Bangkok for a week. I wasn’t searching particularly for this one, but I’m pleased with it. Ok, so its a book.
The book is called “ไดอารี่ ของ เด็ก ไม่เอาถ่าน.” Its a translation from an English book.
Anyways, here is the excerpt that I saw while skimming through that led me to plunk down a whopping 245 baht for this book.
A few words to help you out:
- พละ P.E. Class
- สนาม บาส Basketball court
- เป็นตามคาด as expected
- หล่น to fall off
- มีราขึ้น / ขึ้นรา to be moldy
- ขยะแขยง disgusting
- อุตรี strange
- หมอนี่ this kid/guy
- วิธี way; method
- ป้องกัน protect
- ไขว้นิ้ว cross fingers
เสนียด = cooties *Really the word means something more like a curse or bad mojo or something, but thats how they translated and it works for me.
วันพุธ
วันนี้เรามีวิชาพละ พอฉันออกมาข้างนอกได้ ก็รีบไปดูที่ สนามบาส ก่อนเลย อยากจะดูซิว่า แผ่นชีส ยังอยู่ที่นั่นรึเปล่า แล้วก็เป็นตามคาด มันยังอยู่
แผ่ชีส นี่อยู่ที่สนามมา ตั้งแต่เทอมก่อนโน่น มันคง หล่นมาจากแซนด์วิช ของใครสักคน หลังจากนั้นไม่กี่วันแผ่นชีสก็เริ่มมีราขึ้น ดูน่าขยะแขยง ก็เลยไม่มีใครเล่นบาสที่สนามนั่นเลย ถึงจะเป็นสนามเดียวที่ห่วงมีตาข่ายก็เหอะ
แล้ววันนึงก็ดันมีคนอุตริเอานี้วไปจิ้มชีส เจ้าหมอนี่ชื่อ ดาร์เรน วอลช์ และนั่นเป็นจุดเริ่มของไอ้สิ่งที่เรียกกันว่าเสนียดชิส มันก็เหมือนกับเสนียดทั่วไปนั่นแหละ ถ้าโดนเสนียดชีสแล้วก็ต้องมีเสนียดติดไปตลอดจนกว่าจะส่งต่อใ้ห้คนอื่น
วิธีเดียวที่จะป้องกันตัวไม่ให้ติดเสนียดคือต้องไขว้นี้วเอาไว้ แต่แหม ใครจะไปไขว้ินิ้วอยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวันล่ะ มันก็ต้องมีลืมกันบ้าง ฉันก็เลยเอาเทปกาวพันนิ้วให้มันไขว้กันไวัตลอดเวลาซะเลย มันทำให้ฉันได้เกรด D ในวิชาคัดลายมือก็จริง แต่ก็คุ้มแหละน่ะ
มีเด็กคนนึงชื่อ เอ๊บ ฮอลล์ถูกเสนียดชีสในเมษายน ไม่มีใครเข้าใกล้หมอนั่นตลอดทั้งปี ฤดูร้อนปีนี้เอ๊บย้ายไปอยู่แคลิฟอร์เนียและเอาเสนียดชีสติดตัวไปด้วย
ฉันหวังว่าคงจะไม่มีใครเริ่มต้นเสนียดชีสนี่อีกนะ เพราะฉันไม่อยากเครียดแบบนั้นอีกแล้วในชีวิตนี้