Short Stories Archives - Learn Thai from a White Guy

The Monkey and the Turtle

Here’s an old post I managed to dig up that should be useful for Thai reading practice. Don’t try to understand every word. Theres stuff you know and stuff ya don’t. Also, no need to read it in one sitting.

Story taken from a long dead site.

Translation done by me.

เรื่อง ลิงกับเต่า

ณ ป่าแห่งหนึ่งมีเต่ากับลิงเป็นเพื่อนกัน เต่าเป็นสัตว์ที่มีนิสัยซื่อสัตย์ ส่วนลิงนั้นเป็นสัตว์ที่มีนิสัยขี้โกหก เมื่อเกิดอะไรขึ้น ก็จะช่วยกันเสมอ วันหนึ่งเต่ากำลังเดินเล่นอยู่ก็ไปเจอตะกร้าผลไม้ เต่าจึงนำไปถามหาเจ้าของ หลายชั่วโมงผ่านไปค่างก็มารับตะกร้าผลไม้คืน ค่างก็ชมเต่าว่าเป็นสัตว์ที่มีนิสัยซื่อสัตย์ ลิงเห็นดังนั้นจึงนึกอิจฉาในความดีของเต่า จึงไปขโมยตะกร้าของค่างมาแล้วประกาศหาเจ้าของ ค่างเห็นดังนั้นจึงรู้ว่าลิงขโมยไป จึงพูดว่าลิงขี้ขโมย ลิงก็พูดว่าไม่ได้ขโมยไปแต่เจออยู่ นับจากนั้นมาก็ไม่มีสัตว์ตัวไหนไปเล่นกับลิงอีกเลย ลิงจึงรู้สึกผิดจึงไปพูดกับค่างว่าตนเป็นสัตว์ที่ขโมยไปโปรดอย่าถือสาเลยค่างก็ได้ให้อภัย นับจากนั้นมาก็มีสัตว์ตัวอื่นมาเล่นกับลิง นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การโกหกจะทำให้เกิดทุกข์

ณ ป่า แห่งหนึ่ง – the ณ is a written preposition kinda like ‘at’ and you might translate this like “Once upon a time” even though literally it’d be like ‘at a forest’

เต่าเป็นสัตว์ที่มีนิสัยซื่อสัตย์ – นิสัย remember this? habit, manners,etc …here the turtle is an honest; loyal; all around good guy (animal)

เมื่่อเกิดอะไรขึ้น any time anything happens…

ก็จะช่วยกันเสมอ they always help each other out

วันหนึ่งเต่ากำลังเดินเล่นอยู่ one day, the turtle was out for a stroll

ก็ไปเจอตะกร้าผลไม้ he came upon a basket of fruit

เต่าจึงนำไปถามหาเจ้าของ so the turtle went around trying to find the owner (of the basket)
หลายชั่วโมงผ่านไปค่างก็มารับตะกร้าผลไม้คืน for many hours until a langur (type of monkey) came to take back the basket

ค่างก็ชมเต่าว่าเป็นสัตว์ที่มีนิสัยซื่อสัตย์ the langurm praised the turtle for being such an honorable fellow
ลิงเห็นดังนั้นจึงนึกอิจฉาในความดีของเต่า the monkey saw this and felt jealous of the turtles good fortune (the praise from the langur)

จึงไปขโมยตะกร้าของค่างมาแล้วประกาศหาเจ้าของ so he (the monkey) went and stole the basket (of fruit) from the langur and then announced that he is looking for the owner

ค่างเห็นดังนั้นจึงรู้ว่าลิงขโมยไป however, the langur knew that the monkey stole the basket
จึงพูดว่าลิงขี้ขโมย ลิงก็พูดว่าไม่ได้ขโมยไปแต่เจออยู่ and said ‘you are a rotten thief’ and the monkey said ‘I’m not a thief, I just happened upon this here basket.”

นับจากนั้นมาก็ไม่มีสัตว์ตัวไหนไปเล่นกับลิงอีกเลย following this, nobody would hang out with the monkey anymore

ลิงจึงรู้สึกผิดจึงไปพูดกับค่างว่า The monkey felt pretty terrible about the whole mess and said the to the langur..
ตนเป็นสัตว์ที่ขโมยไปโปรดอย่าถือสาเลยค่างก็ได้ให้อภัย “I am a thief and I have wronged you, please can you forgive me?”

นับจากนั้นมาก็มีสัตว์ตัวอื่นมาเล่นกับลิง after that, all the animals came back to play with the monkey yay (warm feeling)

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การโกหกจะทำให้เกิดทุกข์ this นิทาน (fable, tale) teaches us that stealing causes suffering

Moral of the story – If yer gonna steal fruit, you might as well eat it

ซื่อสัตย์ = be honest ; be faithful
โกหก = lie ; fib ; forge ; tell a lie
เจ้าของ = owner ; proprietor ; proprietress
อิจฉา = envy ; be envious ; be jealous
ขี้ขโมย = thieving bastard
ถือสา = mind ; care about ; take something to heart ; take offence
ให้อภัย = forgive ; excuse ; condone ; pardon
ทำให้เกิด = cause ; produce an effect
ทุกข์ = suffering

藪の中 Part 5 Continued (ในป่าละเมาะ)

As requested, I’m gonna keep going forward with 藪の中.   I’ll keep to shorter pieces.  If anybody wants the entire text, you can grab it here.  

  ทุกอย่างราบรื่น ข้ากลายเป็นเพื่อนร่วมทางของพวกมัน ข้าบอกพวกมันว่ามีเนินดินเก่าอยู่บนเขาถัดไปทางโน้น และข้าไปขุดเจอกระจกกับดาบจำนวนมาก ข้าเล่าต่อว่าข้าเอาของไปฝังไว้ในป่าละเมาะหลังเขา และอยากจะขายถูกๆ ให้ใครก็ตามที่อยากได้ ทีนี้…ท่านเห็นหรือยังว่าความโลภมันน่ากลัวแค่ไหน  เจ้านั่นเริ่มหลงละเมอไปกับสิ่งที่ข้าพูดโดยไม่เฉลียวใจสักนิดเดียว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผัวเมียนั่นก็ขี่ม้าบ่ายหน้าไปภูเขากับข้า
    พอมาถึงหน้าป่าละเมาะ ข้าก็บอกทั้งคู่ว่าข้าฝังสมบัติไว้ในนั้น และชวนพวกมันเข้าไปดู ผู้ชายไม่ได้ว่าอะไร เพราะโดนความโลภบดบังจนตาบอด ส่วนผู้หญิงบอกว่าจะรอบนหลังม้า พอเห็นป่าทึบแบบนั้นผู้หญิงที่ไหนจะอยากเข้าไป พูดกันตามตรงนี่ก็เป็นไปตามที่ข้าวางแผนไว้ ข้าเลยเข้าไปในป่ากับผู้ชาย ส่วนผู้หญิงรออยู่ข้างนอกคนเดียว

 

*************************************************************************************************************************

 

ทุกอย่างราบรื่น everything was going smoothly

ข้ากลายเป็นเพื่อน ร่วมทางของพวกมัน

like I was becoming friends with the both of them

ข้าบอกพวกมันว่า I told them…

มีเนินดินเก่า there was an old hill

อยู่บนเขาถัดไป over on the mountain

ทางโน้น way over there

และข้าไปขุดเจอกระจก and I dug up (lots) of mirrors

กับดาบจำนวนมาก and swords

ข้าเล่าต่อว่า I continued on, explaining to them that

ข้าเอาของไปฝังไว้ I I had buried the stuff

ในป่าละเมาะ in a grove

หลังเขา behind the mountain

และอยากจะขายถูกๆ and that I was willing to sell the stuff real cheap

ให้ใครก็ตามที่อยากได้ to anyone who was interested

ทีนี้ท่านเห็นหรือยังว่า Here,…are you getting it yet?

ความโลภมันน่ากลัวแค่ไหน greed is a pretty scary thing..

เจ้านั่นเริ่มหลงละเมอไป they were starting to believe

กับสิ่งที่ข้าพูด what I was telling them

โดยไม่เฉลียวใจ without suspecting anything สักนิดเดียว (the slightest bit)

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง within a half an hour

ผัวเมียนั่น the couple

ก็ขี่ม้าบ่ายหน้าไปภูเขากับข้า were on their way with me to the mountain

พอมาถึงหน้าป่าละเมาะ as soon as we got to the thicket

ข้าก็บอกทั้งคู่ว่าข้าฝังสมบัติไว้ในนั้น I told them the treasure was buried inside

และชวนพวกมันเข้าไปดู and invited them to come along and check it out

ผู้ชายไม่ได้ว่าอะไร the man said nothing

เพราะโดนความโลภบดบังจนตาบอด because he was blinded by greed

ส่วนผู้หญิงบอกว่าจะรอบนหลังม้า the woman said she would wait outside the grove

พอเห็นป่าทึบแบบนั้น Seeing the forest, as thick as it was..

ผู้หญิงที่ไหนจะอยากเข้าไป what woman would enter willingly?

พูดกันตามตรงนี่ก็เป็นไป to be frank…

ตามที่ข้าวางแผนไว้ this was just what I had planned all along

ข้าเลยเข้าไปในป่ากับผู้ชาย I entered the grove with the man

ส่วนผู้หญิงรออยู่ข้างนอกคนเดียว the woman waited outside alone

ในป่าละเมาะ – Part 5

This piece is rather long for a single post.  I will probably split it up into 2-3.

As usual, try to read it before scrolling down to my breakdown.

 

                          คำให้การของทาโจมารุ

ข้าฆ่ามันเอง แต่ไม่ได้ฆ่านาง นางอยู่ไหนน่ะรึ  ข้าจะไปรู้ได้ไง  อ้อ อย่าเพิ่ง   จะทรมานอย่างไรข้าก็คงบอกสิ่งที่ข้าไม่รู้ไม่ได้ดอกนะ  ไหนๆ เรื่องมันล่วงเลยมาถึงขั้นกุดหัวขนาดนี้แล้ว ข้าก็คงไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังกันอีกหรอก 
    ข้าเจอผัวเมียคู่นั้นเข้าเมื่อวาน ตอนหลังเที่ยงไปนิดหน่อย พอดีมีลมพัดมาวูบหนึ่งทำให้ผ้าคลุมหน้านางเปิดออก ข้าเลยได้เห็นใบหน้าของนางก่อนที่ผ้าจะกลับไปคลุมไว้ตามเดิม นั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง นางงามเหมือนกับนางฟ้า ตอนนั้นเองที่ข้าตัดสินใจว่าต้องเอานางมาให้ได้ถึงต้องฆ่าผัวของนางก็ตามที
    ทำไมน่ะหรือ  สำหรับข้า การจะฆ่าใครสักคนไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่ใครๆ คิดกัน และเมื่อได้มาเมียมันมา ผัวมันก็ต้องตายอยู่ดี ข้าใช้ดาบข้างกายข้าเป็นอาวุธ มีข้าคนเดียวหรือที่ฆ่าคนรึไง  ตัวท่านเองล่ะ ถึงจะไม่ได้ใช้ดาบ แต่ท่านก็ฆ่าคนด้วยอำนาจ ด้วยเงินของท่าน บางครั้งท่านฆ่าคนโดยอ้างว่าทำเพื่อตัวพวกเขาเอง แน่นอนล่ะว่าคนพวกนั้นอาจไม่ได้เสียเลือดแม้แต่หยดเดียว สุขภาพก็ยังแข็งแรงดีอยู่ แต่มันจะต่างกันตรงไหนในเมื่อท่านก็ได้ฆ่าเขาไปแล้ว มันก็พูดยากนะว่าใครบาปกว่ากัน ท่านหรือข้า (ยิ้มเหยียด)
    แต่ก็คงจะดี ถ้าข้าเอาตัวผู้หญิงมาได้โดยไม่ต้องลงมือฆ่าผู้ชาย ข้าเลยตัดสินใจจะจับตัวนางโดยจะไม่ฆ่าผู้ชาย แต่จะทำอย่างนั้นบนถนนยามาชินะคงไม่ได้ ข้าจึงจัดการลวงทั้งคู่ไปที่ภูเขา

***********************************************************************************

  คำให้การของทาโจมารุ Tajomaru’s testimony

ข้าฆ่ามันเอง แต่ไม่ได้ฆ่านาง นางอยู่ไหนน่ะรึ  ข้าจะไปรู้ได้ไง  อ้อ อย่าเพิ่ง   จะทรมานอย่างไรข้าก็คงบอกสิ่งที่ข้าไม่รู้ไม่ได้ดอกนะ  ไหนๆ เรื่องมันล่วงเลยมาถึงขั้นกุดหัวขนาดนี้แล้ว ข้าก็คงไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังกันอีกหรอก 

ข้าฆ่ามันเอง  Yea, I killed him.

แต่ไม่ได้ฆ่านาง but I didn’t kill the girl

นางอยู่ไหนน่ะรึ   Where is she? (he is repeating the question of the one interviewing him)

ข้าจะไปรู้ได้ไง  how am I supposed to know?  (good SRS – จะรู้ได้ยังไง)

อ้อ อย่าเพิ่ง  oh..don’t even think about it….  

จะทรมานอย่างไรข้าก็ no matter how much you torture me…

คงบอกสิ่งที่ข้าไม่รู้ไม่ได้ดอกนะ I still can’t answer questions that I don’t know the answer to…

ไหนๆ เรื่องมันล่วงเลยมาถึงขั้นกุดหัวขนาดนี้แล้ว anyways, as crazy as things are now…

ข้าก็คงไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังกันอีกหรอก I’m not likely to hold anything back at this point…

 

ข้าเจอผัวเมียคู่นั้นเข้าเมื่อวาน ตอนหลังเที่ยงไปนิดหน่อย พอดีมีลมพัดมาวูบหนึ่งทำให้ผ้าคลุมหน้านางเปิดออก ข้าเลยได้เห็นใบหน้าของนางก่อนที่ผ้าจะกลับไปคลุมไว้ตามเดิม นั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง นางงามเหมือนกับนางฟ้า ตอนนั้นเองที่ข้าตัดสินใจว่าต้องเอานางมาให้ได้ถึงต้องฆ่าผัวของนางก็ตามที

ข้าเจอผัวเมียคู่นั้นเข้าเมื่อวาน I encountered the couple early yesterday morning

ตอนหลังเที่ยงไปนิดหน่อย a bit after noon

พอดีมีลมพัดมาวูบหนึ่งทำให้ผ้าคลุมหน้านางเปิดออก as soon as a gust of wind came and briefly blew aside the woman’s veil 

ข้าเลยได้เห็นใบหน้าของนาง revealing her face

ก่อนที่ผ้าจะกลับไปคลุมไว้ตามเดิม before returning to its previous position

นั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง that may have been the reason

นางงามเหมือนกับนางฟ้า she was beautiful like an angel 

ตอนนั้นเองที่ข้าตัดสินใจว่า that was when I decided ..

ต้องเอานางมาให้ได้ that I must have her..

ถึงต้องฆ่าผัวของนางก็ตามที  even if that meant killing her husband in the process

ทำไมน่ะหรือ  สำหรับข้า การจะฆ่าใครสักคนไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่ใครๆ คิดกัน และเมื่อได้มาเมียมันมา ผัวมันก็ต้องตายอยู่ดี ข้าใช้ดาบข้างกายข้าเป็นอาวุธ มีข้าคนเดียวหรือที่ฆ่าคนรึไง  ตัวท่านเองล่ะ ถึงจะไม่ได้ใช้ดาบ แต่ท่านก็ฆ่าคนด้วยอำนาจ ด้วยเงินของท่าน บางครั้งท่านฆ่าคนโดยอ้างว่าทำเพื่อตัวพวกเขาเอง แน่นอนล่ะว่าคนพวกนั้นอาจไม่ได้เสียเลือดแม้แต่หยดเดียว สุขภาพก็ยังแข็งแรงดีอยู่ แต่มันจะต่างกันตรงไหนในเมื่อท่านก็ได้ฆ่าเขาไปแล้ว มันก็พูดยากนะว่าใครบาปกว่ากัน ท่านหรือข้า (ยิ้มเหยียด)

ทำไมน่ะหรือ what’s this now?  

สำหรับข้า  for me..

การจะฆ่าใครสักคน killing someone..

ไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างที่ใครๆ คิดกัน isn’t that big of a deal..(like everyone thinks)

และเมื่อได้มาเมียมันมา and when this girl came along

ผัวมันก็ต้องตายอยู่ดี her husband, well he just had to die

ข้าใช้ดาบข้างกายข้าเป็นอาวุธ I kill with the sword at my side

มีข้าคนเดียวหรือที่ฆ่าคนรึไง  its me doing the killing

ตัวท่านเองล่ะ but you sir…

ถึงจะไม่ได้ใช้ดาบ you don’t use a sword..

แต่ท่านก็ฆ่าคนด้วยอำนาจ but you still kill with your authority/power

ด้วยเงินของท่าน with your money

บางครั้งท่านฆ่าคนโดยอ้างว่าทำเพื่อตัวพวกเขาเอง sometimes, you even kill them with your words 

แน่นอนล่ะว่า of course…

คนพวกนั้นอาจไม่ได้เสียเลือดแม้แต่หยดเดียว you may not spill a drop of their blood…

สุขภาพก็ยังแข็งแรงดีอยู่ and they still live (are healthy)

แต่มันจะต่างกันตรงไหน but how is it different..

ในเมื่อท่านก็ได้ฆ่าเขาไปแล้ว when you have killed them 

มันก็พูดยากนะว่าใครบาปกว่ากัน its difficult to decide who the sinner is..

ท่านหรือข้า (ยิ้มเหยียด) you..or I (ironic smile)

 

 แต่ก็คงจะดี ถ้าข้าเอาตัวผู้หญิงมาได้โดยไม่ต้องลงมือฆ่าผู้ชาย ข้าเลยตัดสินใจจะจับตัวนางโดยจะไม่ฆ่าผู้ชาย แต่จะทำอย่างนั้นบนถนนยามาชินะคงไม่ได้ ข้าจึงจัดการลวงทั้งคู่ไปที่ภูเขา

แต่ก็คงจะดี well it would have been fine

ถ้าข้าเอาตัวผู้หญิงมาได้ if I was able to get the girl

โดยไม่ต้องลงมือฆ่าผู้ชาย without killing her man

 ข้าเลยตัดสินใจจะจับตัวนางโดยจะไม่ฆ่าผู้ชาย I decided to take her without killing the guy

แต่จะทำอย่างนั้น but how was I supposed to do that

บนถนนยามาชินะ on the road to Yamashina?

คงไม่ได้  it just wouldn’t work (SRS-worthy)

ข้าจึงจัดการลวงทั้งคู่ไปที่ภูเขา so I lured the pair into the mountains…

 

藪の中 Part 3 (ในป่าละเมาะ)

Here is the 3rd part of In a Grove by ริวโนะซุเกะ อะคุตะกะวะ.

คำให้การของตำรวจนายหนึ่งโดยการสอบสวนของหัวหน้าคณะผู้รับผิดชอบคดี

อ้ายคนที่กระผมจับได้หรือขอรับ มันเป็นโจรชื่อกระฉ่อน นามว่า ทาโจมารุ ตอนกระผมจับมันได้ มันเพิ่งตกจากหลังม้า นอนร้องครวญครางอยู่บนสะพานที่อะวาตากุชิ ตอนกี่โมงหรือขอรับ ตอนหัวค่ำของเมื่อวานนี้ขอรับ ผมใคร่จะบอกว่า วันก่อนผมพยายามตามจับมันแต่น่าเสียดายที่มันรอดไปได้ มันใส่ชุดกิโมโนไหมสีน้ำเงินเข้ม มีดาบเกลี้ยงเล่มใหญ่ และอย่างที่ท่านเห็นน่ะขอรับ มันไปได้ธนูกับลูกศรมาจากไหนสักแห่ง ท่านว่าธนูกับลูกศรเหมือนกับของผู้ตายหรือขอรับ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเจ้าทาโจมารุต้องเป็นฆาตกรแน่ๆ ขอรับ ธนูสายหนัง กระบอกธนูสีดำเคลือบมัน ลูกศรปลายขนเหยี่ยวสิบเจ็ดดอก ของทั้งหมดนี่ต้องเป็นของผู้ชายคนนั้นแน่ขอรับ ใช่ขอรับเป็นอย่างที่ท่านว่าจริงๆ ขอรับ ม้าตัวนั้นสีน้ำตาลอมแดงอ่อน แผงคองามทีเดียว กระผมเห็นมันกำลังเล็มหญ้า เชือกบังเหียนห้อยแกว่งไปแกว่งมาอยู่ริมถนนเลยสะพานหินถัดขึ้นไปหน่อย ที่เจ้านั่นโดนเหวี่ยงตกจากหลังม้าลงมา ส่วนหนึ่งต้องเป็นฟ้าลิขิตแน่ขอรับ
ในบรรดาโจรทั้งหมดที่เที่ยวสร้างความเดือดร้อนในเกียวโต เจ้าทาโจมารุนี่แหละขอรับที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิงที่สุด ฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว มีหญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งมาที่ภูเขาหลังวัดโทริเบะ สันนิษฐานว่าคงแวะมาเที่ยว ถูกฆาตกรรมพร้อมกับเด็กหญิงอีกคน สงสัยกันว่าเจ้านี่เป็นคนทำ ถ้าเจ้าฆาตกรนี่ฆ่าผู้ชายคนนั้น ก็บอกไม่ได้ขอรับว่ามันได้ทำอะไรลงไปกับภรรยาของเขาบ้าง กระผมขอให้ท่านใต้เท้าช่วยสืบสวนเรื่องนี้ด้วยนะขอรับ

  • ************************************************************

คำให้การของตำรวจนายหนึ่งโดยการสอบสวนของหัวหน้าคณะผู้รับผิดชอบคดี

  • *If you’ve read the previous 2 parts, I shouldn’t need to explain all this again. I will break it into meaning-based pieces. Good for SRSing….

คำให้การ
ของตำรวจนายหนึ่ง
โดยการสอบสวน
ของหัวหน้าคณะผู้รับผิดชอบคดี

  • *********************************************

อ้ายคนที่กระผมจับได้หรือขอรับ มันเป็นโจรชื่อกระฉ่อน นามว่า ทาโจมารุ ตอนกระผมจับมันได้ มันเพิ่งตกจากหลังม้า นอนร้องครวญครางอยู่บนสะพานที่อะวาตากุชิ ตอนกี่โมงหรือขอรับ ตอนหัวค่ำของเมื่อวานนี้ขอรับ ผมใคร่จะบอกว่า วันก่อนผมพยายามตามจับมันแต่น่าเสียดายที่มันรอดไปได้ มันใส่ชุดกิโมโนไหมสีน้ำเงินเข้ม มีดาบเกลี้ยงเล่มใหญ่ และอย่างที่ท่านเห็นน่ะขอรับ มันไปได้ธนูกับลูกศรมาจากไหนสักแห่ง ท่านว่าธนูกับลูกศรเหมือนกับของผู้ตายหรือขอรับ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเจ้าทาโจมารุต้องเป็นฆาตกรแน่ๆ ขอรับ ธนูสายหนัง กระบอกธนูสีดำเคลือบมัน ลูกศรปลายขนเหยี่ยวสิบเจ็ดดอก ของทั้งหมดนี่ต้องเป็นของผู้ชายคนนั้นแน่ขอรับ ใช่ขอรับเป็นอย่างที่ท่านว่าจริงๆ ขอรับ ม้าตัวนั้นสีน้ำตาลอมแดงอ่อน แผงคองามทีเดียว กระผมเห็นมันกำลังเล็มหญ้า เชือกบังเหียนห้อยแกว่งไปแกว่งมาอยู่ริมถนนเลยสะพานหินถัดขึ้นไปหน่อย ที่เจ้านั่นโดนเหวี่ยงตกจากหลังม้าลงมา ส่วนหนึ่งต้องเป็นฟ้าลิขิตแน่ขอรับ

อ้ายคนที่กระผมจับได้หรือขอรับ
The guy I arrested ‘eh? (as if in response to a question about that ‘guy’) **กระผม = extra polite for ผม , ขอรับ = ครับ

มันเป็นโจรชื่อกระฉ่อน นามว่า ทาโจมารุ
โจร – thief (**good mnemonic ‘someone who gets robbed by a โจร ends up จน’)
ชื่อกระฉ่อน infamous; notorious
นามว่า named…

ตอนกระผมจับมันได้ When I caught him…

มันเพิ่งตกจากหลังม้า he had just fallen off the back of his horse

นอนร้อง

    ครวญคราง

he was lying there moaning
อยู่บนสะพาน on the bridge
ที่อะวาตากุชิ at Awadaguchi (place name)

ตอนกี่โมงหรือขอรับ What time was it now…? (thinking aloud or repeating question being asked by investigator)

ตอนหัวค่ำของเมื่อวานนี้ขอรับ it was early in the evening yesterday…

ผมใคร่จะบอกว่า I’d like to say that…(redundant in English , nothing like this in Japanese version either..)

วันก่อนผมพยายามตามจับมันแต่น่าเสียดายที่มันรอดไปได้
-วันก่อน the other day
-ผมพยายามตามจับมัน I was trying to catch him
-แต่น่าเสียดาย but unfortunately he was able to elude me…

มันใส่ชุดกิโมโนไหมสีน้ำเงินเข้ม
-มันใส่ชุดกิโมโนไหม he was wearing a blue silk kimono
(สีน้ำเงินเข้ม = dark blue **เข้ม meaning dark in this case)

มีดาบเกลี้ยงเล่มใหญ่
-he had a large embossed sword (aside from being the classifier for books เล่ม is also used with blades)

และอย่างที่ท่านเห็นน่ะขอรับ
and as you could see….

มันไปได้ธนูกับลูกศรมาจากไหนสักแห่ง
-he also had a bow and arrows from somewhere with him

ท่านว่าธนูกับลูกศรเหมือนกับของผู้ตายหรือขอรับ
-ท่านว่า are you saying?/do you think
-ธนูกับลูกศร that the bow and arrows
-เหมือนกับของผู้ตาย were the same ones that belonged to the dead man….

ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเจ้าทาโจมารุต้องเป็นฆาตกรแน่ๆ ขอรับ
-ถ้าอย่างนั้น if that is the case (SRS this if you don’t know it!)
-ก็ well then
-แสดงว่า it means that…
-เจ้าทาโจมารุ Tajomaru
-ต้องเป็นฆาตกรแน่ๆ must be the killer without a doubt

ธนูสายหนัง the leather bow
กระบอกธนูสีดำเคลือบมัน the black lacquered/enameled quiver

ลูกศรปลายขนเหยี่ยวสิบเจ็ดดอก with 17 hawk-feather arrows

ของทั้งหมดนี่ต้องเป็นของผู้ชายคนนั้นแน่ขอรับ
-ของทั้งหมดนี่ all these things…(mentioned above)
-ต้องเป็นของผู้ชายคนนั้นแน่ must belong to that man (the dead guy)

ใช่ขอรับเป็นอย่างที่ท่านว่าจริงๆ ขอรับ
-Yes, its just as you say…(what you say is true/right)

ม้าตัวนั้นสีน้ำตาลอมแดงอ่อน
-that horse brownish horse (brown with red ‘in its mouth)

แผงคองามทีเดียว with a well-trimmed mane(แผงคอ)

  • *ทีเดียว here means that whatever its describing is impressive

กระผมเห็นมันกำลังเล็มหญ้า I saw it grazing

  • *เล็มหญ้า – good example of me not having to look up a word I’ve never seen before. What else could the horse be doing to the grass but grazing?

เชือกบังเหียนห้อยแกว่งไปแกว่งมาอยู่ริมถนนเลยสะพานหินถัดขึ้นไปหน่อย
-เชือก rope
-บังเหียน bridle
-ห้อย – hanging
-แกว่งไปแกว่งมา swishing;swaying back and forth
-ริมถนน edge of the road (rim = ริม)
-เลยสะพานหินถัดขึ้นไปหน่อย a bit beyond the stone bridge

ที่เจ้านั่นโดนเหวี่ยงตกจากหลังม้าลงมา
-ที่เจ้านั่น as for that…
-โดนเหวี่ยงตก he was thrown from the horse..
-จากหลังม้าลงมา from the horse
ส่วนหนึ่งต้องเป็นฟ้าลิขิตแน่ขอรับ
-it must have been fate

  • *The previous 2 pieces might translate to something like the following:

Fate likely had a hand in throwing him from his horse.

ในบรรดาโจรทั้งหมดที่เที่ยวสร้างความเดือดร้อนในเกียวโต
-ในบรรดาโจรทั้งหมด even among all the thieves
-ที่เที่ยวสร้างความเดือดร้อนในเกียวโต the plague Kyoto
(สร้างความเดือดร้อน to build trouble,problems,torment,etc)

เจ้าทาโจมารุนี่แหละขอรับที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิงที่สุด
-เจ้าทาโจมารุนี่แหละ this Tajomaru
-ที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิงที่สุด who is the most dangerous for woman (Japanese version implies danger to women as in womanizer)

ฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว Last autumn

มีหญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งมาที่ภูเขาหลังวัดโทริเบะ
-มีหญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่ง a married woman
-มาที่ภูเขา came to the mountain
-หลังวัดโทริเบะ behind Toribe temple

สันนิษฐานว่าคงแวะมาเที่ยว
-สันนิษฐานว่ I presume they were
-คงแวะมาเที่ยว probably visiting (the temple)

ถูกฆาตกรรมพร้อมกับเด็กหญิงอีกคน
-ถูกฆาตกรรม was killed
-พร้อมกับ along with..
-เด็กหญิงอีกคน a young girl

สงสัยกันว่าเจ้านี่เป็นคนทำ
-I wonder if he (the โจร) was the one who did it

ถ้าเจ้าฆาตกรนี่ฆ่าผู้ชายคนนั้น
-ฆาตกร killer (notice any connection to ฆ่า and ฆาตกรรม ??)
-If he was the killer of that man…

ก็บอกไม่ได้ขอรับว่ามันได้ทำอะไรลงไปกับภรรยาของเขาบ้าง
-ก็บอกไม่ได้ขอรับว่ well, I can’t really say
-มันได้ was able/did
-ทำอะไรลงไป to do anything (talking around rape here)
-กับภรรยาของเขาบ้าง with his wife
Translation:
I can’t say for sure whats become of/befallen the wife.

กระผมขอให้ท่านใต้เท้าช่วยสืบสวนเรื่องนี้ด้วยนะขอรับ
-กระผมขอให้ท่านใต้เท้า I hope that you …(super polite)
-ช่วยสืบสวนเรื่องนี้ด้วย are able to solve this case…

藪の中 Part 2 (ในป่าละเมาะ)

คำให้การของพระธุดงค์โดยการสอบสวนของหัวหน้าคณะผู้รับผิดชอบคดี

กี่โมงน่ะรึ คงสักเที่ยงวันของเมื่อวานได้กระมังโยม ประสกผู้โชคร้ายคนนั้นอยู่บนถนนที่ตัดจากเซกิยามะไปยามาชินะ กำลังเดินไปทางเซกิยามะกับสีกาคนหนึ่งที่ขี่ม้าอยู่ ซึ่งอาตมาเพิ่งมารู้ว่านางเป็นภรรยาของประสกผู้นั้น นางเอาผ้าพันคอโพกหัวคลุมปิดหน้าเอาไว้ อาตมาเห็นแต่สีเสื้อผ้าของนาง เป็นชุดสีม่วงอ่อนๆ ส่วนม้านี่รู้สึกจะเป็นม้าสีน้ำตาลอมแดงอ่อน มีแผงคองามทีเดียว สีกาคนนั้นสูงเท่าไหร่รึ คงสักสี่ฟุตห้านิ้วได้กระมัง อาตมาเป็นสงฆ์ ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดของนางเสียเท่าไร ส่วนผู้ชายพกอาวุธเป็นธนูพร้อมกับลูกศร และเท่าที่อาตมาจำได้ เขามีลูกศรอยู่ในกระบอกประมาณยี่สิบดอกได้
นึกไม่ถึงว่าเขาจะเคราะห์ร้ายอย่างนี้ ชีวิตคนเรานี่หนอ มันช่างเหมือนน้ำค้างตอนเช้า เหมือนแสงแปลบปลาบเวลาฟ้าแลบเสียจริงๆ ไม่มีอะไรคงอยู่ไปตลอดกาล อาตมาเวทนาประสกผู้นั้นจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว

  • **********************************************************

คำให้การ testimony
ของ of/by
พระธุดงค์ traveling priest
โดย via/by
การสอบสวน the investigation
ของ of
หัวหน้าคณะ the dept. head
ผู้รับผิดชอบคดี responsible (essentially high ranking police official)

กี่โมงน่ะรึ What time was it now…

คงสักเที่ยงวัน it was probably around noon

ของเมื่อวานได้กระมังโยม yesterday (กระมัง = maybe)

  • * So the above 2 pieces might translate to something like –

it was probably around noon yesterday I guess.

ประสกผู้โชคร้ายคนนั้น (I met??) that unfortunate fellow(ประสก ??? This must be an error..I was thinking it should be ประสบ – to encounter, but after seeing it again later..I realize its not )

อยู่บนถนน was on the road

ที่ตัดจากเซกิยามะไปยามาชินะ at about the halfway point between Sekiyama and Yamashina

กำลังเดินไปทางเซกิยามะ (he) was heading towards Sekiyama

กับสีกาคนหนึ่งที่ขี่ม้าอยู่ with สีกา (crow colored??) who was riding a horse

ซึ่งอาตมาเพิ่งมารู้ว่า so I then realized that…

นางเป็นภรรยาของประสกผู้นั้น this woman (on the horse) was this man’s wife ..(ประสก again..?? I’m not looking it up!!)

นางเอาผ้าพันคอโพกหัวคลุมปิดหน้าเอาไว้ the woman had a veil wrapped around her head covering her face ( ผ้าพันคอ literally means – ‘a cloth bound around the neck’ and โพกหัว is for cloth that is ‘wrapped-around/covering the head’ such as turbans. ปิดหน้า -closed/covered face. As for เอาไว้, I could explain it but it sounds more confusing than it is so just notice it and forget it for now. You’ll see it often enough if you bother to read and it will soon make sense.

อาตมาเห็นแต่สีเสื้อผ้าของนาง I only saw the color of her veil (อาตมา ‘I’ for priests)

เป็นชุดสีม่วงอ่อนๆ her gear was a light shade of purple

ส่วนม้านี่รู้สึกจะเป็นม้าสีน้ำตาลอมแดงอ่อน as for the horse, I think
it was brownish-red (สีน้ำตาลอมแดง = brown with red in its mouth **This probably translates to a specific color, but I have no clue which. In Japanese its 月毛 which apparently means ‘sorrel.’ As I had no idea what that meant in any language I looked it up to discover I had just wasted 5 minutes to come up with ‘light brown’. Yay. This is why we don’t need to look up every word.)

มีแผงคองามทีเดียว it had a well-trimmed mane (แผงคอ = mane, งาม is the partner word of สวย)

สีกาคนนั้นสูงเท่าไหร่รึ how tall was he eh?? (a few times in this story the person being question repeats the inquirers question aloud. Useful as we never hear the chief’s questions.)

คงสักสี่ฟุตห้านิ้วได้กระมัง he was probably about 4.5 ft tall I’d say (this is just bad translation. The measurement in the Japanese version is a 寸 which is about 3 cm or so. The man was not 4.5 ft tall nor was he 4.5 寸 tall. Though if he was it might make the story even more interesting. In the original version the priest is referring to the height of the HORSE and the 4.5 寸 means he was 4.5 寸 taller than average. Fun stuff.)

อาตมาเป็นสงฆ์ I’m a priest

ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดของนางเสียเท่าไร I don’t know much of the ways of women (ใส่ใจ – pay attention, รายละเอียด details )

ส่วนผู้ชายพกอาวุธเป็นธนูพร้อมกับลูกศร as for the man, he wore a bow along with some arrows (พกอาวุธ – carry a weapon – พก means to carry ‘on your person’ useful word)

และเท่าที่อาตมาจำได้ and as far as I can remember…

เขามีลูกศรอยู่ในกระบอกประมาณยี่สิบดอกได้ he had about 20 or so arrows in his quiver (กระบอก quiver, ลูกศร arrows)

  • ********************************************

นึกไม่ถึงว่าเขาจะเคราะห์ร้ายอย่างนี้ ชีวิตคนเรานี่หนอ มันช่างเหมือนน้ำค้างตอนเช้า เหมือนแสงแปลบปลาบเวลาฟ้าแลบเสียจริงๆ ไม่มีอะไรคงอยู่ไปตลอดกาล อาตมาเวทนาประสกผู้นั้นจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว

นึกไม่ถึงว่าเขาจะเคราะห์ร้ายอย่างนี้ I never could have imagined misfortune like this…(เคราะห์ร้าย really bad luck)

ชีวิตคนเรานี่หนอ this life of ours…

เหมือนแสงแปลบปลาบเวลาฟ้าแลบเสียจริงๆ is like a flash of lighting (แปลบปลาบ flash, ฟ้าแลบ lightning)

ไม่มีอะไรคงอยู่ไปตลอดกาล nothing lasts forever (คงอยู่ – to last, ตลอดกาล forever)

อาตมาเวทนาประสกผู้นั้น I sympathize with that guy (ประสก again?? its probably a priest word, but I’m not sure what it means exactly. It obviously doesn’t affect the meaning much so its not even worth looking up)

จนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว and I don’t know what else to say