learning thai Archives - Learn Thai from a White Guy

LTfaWG Talks: Toilet Troubles

Read-friendly: gdoc

สวัสดีค่ะ เดี๋ยววันนี้แนนจะเล่าเรื่องตลกให้ฟังหนึ่งเรื่องนะคะ มีอยู่ครั้งหนึ่งค่ะที่แนนได้ไปเที่ยวชมที่อุทยานแห่งชาติแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างไกลจากเมืองหลวงนะคะ แล้ว(พอ)ตอนที่จะเข้าห้องน้ำเนี่ย ห้องน้ำก็จะมีเป็นห้องน้ำรวมนะคะ ก็มีเพียงห้องเล็ก ๆ สองห้องเท่านั้นเอง แล้วในห้องน้ำเนี่ยก็จะเป็นห้องน้ำแบบนั่งยองๆหรือว่าเป็นแบบส้วมซึมนะคะ ในห้องน้ำเนี่ยก็จะมีโอ่งใบยักษ์นะคะที่ใส่น้ำเอาไว้เต็มตุ่มเลย ก็คาดว่าน่าจะเอาไว้ใช้(ใน)อาบน้ำสำหรับคนบริเวณนั้นนะคะ แล้วก็จะมีอ่างเล็ก ๆ อีกหนึ่งอ่างเอาไว้ชะล้างหลังจากเสร็จกิจนะคะ ก็ แนนก็เข้าไปทำธุระตามปกติค่ะ แล้วก็หลังจากออกมาจากห้องน้ำเสร็จแล้วก็เจอฝรั่งท่านหนึ่งที่เค้าต่อหลังแนนอยู่อ่ะคะ แล้วสักพักเค้าก็หันกลับมาเรียกแนนว่า โอเคแปลเป็นไทยนะคะว่า “เนี่ยคุณ คุณช่วยอะไรหน่อยได้ไหม” แล้วแนนก็ตอบว่า “เอ่อ มีอะไรคะ” เค้าบอกว่า “เนี่ย ฉันไม่รู้ว่าฉันจะต้องฉี่ลงไปตรงไหน ฉันต้องฉี่ลงไปในโอ่งใหญ่ ๆ ใบนั้นเลยไม๊” แล้วแนนก็หัวเราะค่ะ แล้วก็บอกว่า “ถ้าสมมุติว่าคุณฉี่ลงไปในโอ่งใบนั้นเนี่ย คนที่เข้าหลังคุณเนี่ยอาจจะมีปัญหาได้นะคะ” ก็บอกว่าให้คุณเนี่ยฉี่ลงไปในส้วมซึมก็คือรูเล็กๆนั่น ถ้าสมมุติว่ายืนฉี่ไม่ได้ก็นั่งฉี่นะคะถ้ามันไกลเกินไป เค้าก็บอกว่าโอเค ๆ แล้วเค้าก็จะพยายามนะคะ จบค่ะยังไงก็ขอบอกให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้เข้าใจนะคะว่า โอ่งที่ใส่น้ำเนี่ยไม่ใช่โอ่งเก็บฉี่นะคะ เป็นโอ่งเก็บน้ำสะอาดค่ะ ขอบคุณค่ะ

LTfaWG Talks: Furbies

This is a medium length Thai reading exercise about Furbies which were very popular when this was originally written.  Audio is included and click the google doc to see the vocabulary.

[2013 Entry]I’ve picked up some more part-time helpers to work on a new series which I’m going to call “LTfaWG Talks” unless somebody has a better idea.  Anyways, I whip and berate the speakers in the hopes that I can get them to talk about a particular topic for a few minutes at a time.  If the talk works out, I’ll include the transcript as well. Today’s speaker tells us why she doesn’t like Furby or his crew.  Please send along topic requests and I’ll see if any of my minions can pull it off.

This first talk is about 6 and a half minutes so expect to need to listen to it a few times to get the gist if there is a lot of new stuff in here for you.

Audio: The reason why i hate Furby

Reader: Gdoc

วันนี้นะคะก็อยากจะมาพูดถึงเหตุผลที่ไม่ชอบตุ๊กตาเฟอร์บี้นะคะ ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมกันนะคะในหมู่ดาราแล้วก็วัยรุ่นนะคะ และก็มีการถ่ายรูปกัน (แล้วก็) กับเฟอร์บี้นะคะ แล้วก็โชว์ทางโซเชียล เน็ตเวิร์คนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊คหรืออินสตาแกรมนะคะ ก็ถือว่าช่วงนี้ก็สามารถเห็นเฟอร์บี้ได้ใน(จาก)หลายๆแห่งเลยนะคะ อาจจะไม่อยากดูแต่ก็ต้องดูนะคะ ก็อยากจะมาพูดให้ฟังว่าทำไม เหตุผลอะไรที่ดิฉันจะไม่ซื้อเฟอร์บี้มาเป็นของดิฉันเด็ดขาดนะคะ

ข้อแรกนะคะที่สำคัญที่สุดก็คือตัวเฟอร์บี้เป็นสัตว์ที่อยู่เหมือนเกมลินเกินไปค่ะ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆรู้จักเกมลินหรือเปล่าคะ ซึ่งในหนังเรื่องเกมลินเนี่ย (เมื่อโดน) เอ่อ สัตว์ตัวนี้เมื่อโดนน้ำหรือว่ากินอาหารหลังเที่ยงคืนเนี่ยมันก็จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดนะคะ ที่ดุร้ายนะคะ ก็ทำให้ตอนนั้นที่ดิฉันเป็นเด็ก ๆ ดูหนังเรื่องนี้ก็ค่อนข้างที่จะฝังใจ ค่อนข้างกลัวนะคะ แต่มีคนบอกว่าตัวเฟอร์บี้นี่อยู่เหมือนนกฮูกกับแฮมสเตอร์ผสมกันนะคะ (ก็) ก็ไม่เห็นว่ามันจะเหมือนนกฮูกตรงไหนนะคะหรือว่าเหมือนแฮมสเตอร์ตรงไหนนะคะ ออกจะหน้าตาน่าเกลียดประหลาดๆนะคะแล้วก็สีแปร๋นนะคะ สีนี่ยิ่งไม่ชอบใหญ่เลยนะคะ สีม่วงแปร๋น หรือว่าสีเขียว สีน้ำเงินนะคะ โอเคค่ะข้อที่สองแล้วกันนะคะ

ข้อที่สอง ราคามันแพงเกินไปนะคะสำหรับตุ๊กตาตัวนึง ถึงแม้ว่ามันจะมีคอมพิวเตอร์หรือไมโครชิพฝังอยู่ก็ตามนะคะ แต่การซื้อของเล่นของเล่นนึงที่ราคาสามพันหรือหกพันเนี่ย แล้วก็ค่อนข้างที่คิดว่ามันน่าจะเป็นแค่ตุ๊กตาตัวนึงอ่ะ ราคาตั้งสามพัน ตอนนี้หกพันเจ็ดพันแล้ว คิดว่ามันค่อนข้างที่จะแพงอ่ะคะ แล้วก็สมัยตอนที่อยู่ม.ต้นนะคะ ช่วงนั้นเนี่ยคนก็ฮิตเล่นสัตว์เลี้ยงอิเล็คโทรนิคเหมือนกัน ที่ชื่อว่าทามาก็อตจิ ช่วงนั้นเนี่ยนะคะเพื่อนของดิฉันเกือบทั้งห้องนะคะมีทามาก็อตจิทุกคน แต่ดิฉันไม่มีนะคะ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงจะต้องซื้อตัวละหลายร้อยบาทเพื่อที่จะมาใส่ในกระเป๋าแล้วต้องมานั่งกดทั้งวัน ๆ เพื่อที่จะ เหมือนกับการให้อาหารมันนะคะ ต้องเลี้ยงมันตั้งแต่ยังเป็นไข่ ฟักออกมาเป็นลูกไก่ ลูกทามาก็อตจิอะไรก็ตามนะคะ ซึ่งสมัยนั้นเนี่ยคนในห้องเรียนก็ไม่ค่อยได้เรียนหรอกค่ะ นั่งกดทามาก็อตจิทั้งวันนะคะ ก็คิดว่ามันไร้สาระมาก ไม่รู้ว่ามันสนุกตรงไหนนะคะ เอาเงินเนี่ยไปเลี้ยงข้าว(พ่อ)คุณพ่อคุณแม่ดีกว่านะคะ โอเคค่ะ

ข้อที่สาม ไม่ชอบเฟอร์บี้ที่มันพูดมากนะคะ ดูจากในรีวิวของเพื่อนนะคะ พูดไม่หยุด พูดทั้งวัน ไม่มีสวิตช์ปิด มีคนบอกว่า (ถ้ามัน) อยากให้มันนอน ก็เอาผ้าปิดหัวมันสิ มันจะได้เงียบ อะไรยังงี้ มันจะได้นอนนะคะ แต่มีอีกคนนึงมาบอกว่า อ๊าเฟอร์บี้นอนหลับแล้วกรน น่ารักจังเลย อ้าว ตกลงว่ายังไงเนี่ยคะ ตกลงว่า นอนก็กรน ตื่นก็บ่น ยังงี้หรอคะ แล้วเมื่อไหร่ที่มันจะเงียบละคะ อันนี้ก็ทำให้คิดว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารำคาญนะคะ เป็นของเล่นที่น่ารำคาญมาก มาก ๆ

ข้อที่สี่นะคะ เค้าบอกว่ามีแอพพลิเคชั่นสอนภาษาเฟอร์บี้ เพื่อที่จะให้สื่อสารเข้าใจกับเฟอร์บี้ได้นะคะ อันนี้ค่อนข้างที่จะปัญญาอ่อนนะคะ ไม่รู้ว่าคิดกันไปได้ยังไงนะคะ เรียนภาษาเฟอร์บี้ เอาไปทำอะไรคะภาษาเฟอร์บี้ คุณจะไปเที่ยวเฟอร์บี้แลนด์เหรอคะหรือว่าคุณจะย้ายไปอยู่ประเทศเฟอร์บี้ อันนี้นะคะถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องกลับมาที่โลกมนุษย์แล้วนะคะก็อยู่ไปที่ประเทศเฟอร์บี้ คิดว่าน่าจะเอาเวลาที่เรียนภาษาเฟอร์บี้เนี่ยนะคะ มาเรียนภาษาอังกฤษดีกว่านะคะ เพื่อที่จะเอาไปใช้งานได้ด้วยนะคะในชีวิตจริง ในโลกของความเป็นจริงนะคะ ก็ค่อนข้างจะออกแนวเพ้อเจ้อค่ะ คนที่คิดภาษาเฟอร์บี้ขึ้นมาเนี่ยนะคะ

ข้อสุดท้ายคือข้อห้าที่ไม่ชอบเฟอร์บี้ เพราะการที่จะเล่นเฟอร์บี้ได้จะต้องมีแอพพลิเคชั่นสำหรับเล่นเฟอร์บี้ เพราะฉะนั้นต้องไปโหลดแอพมาอีกลงไปในเครื่องมือถือของคุณหรือไอแพดหรือไอพอดหรืออะไรก็ตามนะคะ ไม่ใช่ว่าซื้อตุ๊กตามาปุ๊บก็จะเล่นได้เลย ยังต้องไปซื้อมือถือหรือว่าอะไรก็ตามที่ (เป็น) สามารถใช้แอพ ดาวน์โหลดแอพมาเล่นกับตุ๊กตาเฟอร์บี้ได้อีกนะคะ

อันนี้คิดว่ามันค่อนข้างที่จะเป็นการแพงเกินไปแล้วก็เป็นการที่ยากลำบากเกินไปสำหรับการเล่นตุ๊กตาตัวนี้นะคะ ในความเห็นส่วนตัวเนี่ยที่คิดว่าตุ๊กตาเฟอร์บี้เนี่ย (มี) เป็นที่นิยมในตอนนี้ก็คือ(มันเหมือนกับ)มัน มันมีการตอบโต้กับเจ้าของได้ แล้วก็แสดงออกว่าดีใจได้ เสียใจได้ ก็เหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวนึงนะคะ เพราะว่าคนในสมัยปัจจุบันเนี่ยก็ไม่ค่อยที่จะมีเวลาที่จะมีสัตว์เลี้ยงจริง ๆ สักหนึ่งตัว อาจจะทำงานหนักหรือว่าอาจจะไม่อยากมีความรับผิดชอบหรือว่าอะไรก็ตามนะคะ ก็ทำให้เฟอร์บี้ก็มาตอบโจทย์คนกลุ่มนี้นะคะ ที่อยากจะมีสัตว์เลี้ยงที่ตอบโต้เราแต่ว่าไม่จำเป็นต้องดูแลมันตลอดไปจนหลาย ๆ ปี อะไรยังงี้อ่ะค่ะ (ก็) ในอนาคตนี้ก็คิิดว่า หลังจากนี้นะคะก็ต้องมีบริษัทที่ทำตุ๊กตาเฟอร์บี้(คล้าย ๆ) อาจจะเป็นทำพวกตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงอิเล็คโทรนิคอย่างนี้ขึ้นมาอีกนะคะ แต่ว่าดิฉันก็คงไม่คิดที่จะอุดหนุนอีกอย่างแน่นอนค่ะ ขอบคุณค่ะ

Diary: Rafting in Mae Wan

This is a short reading exercise written by a native Thai speaker.  Here’s a vocab that you can look at as you try to go through the text.

Useful Grammar:
คนละ 100 บาท – 100 baht per person
ไม่สามารถ VERB ได้ – I can’t/am unable to do VERB
*Remember that ได้ before a verb just makes it past tense.  It needs to come after the verb to mean “can/cant.”

ล่องแพที่แม่วาน

 

เช้าวันนี้ฉันมีนัดเจอเพื่อนๆ ที่นิมานเหมินทร์ ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ซึ่งเรามีนัดไปล่องแพที่แม่วาน ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตของฉันเลยก็ว่าได้ ที่จะได้ไปล่องแพ พอเพื่อนๆ มาครบทุกคน พวกเราได้ตัดสินใจเช่ารถแดง เพื่อไปที่แม่วาน เพราะระยะทางค่อนข้างไกล และจำนวนเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันในวันนี้มีทั้งหมด 10 คน

พวกเราได้ใช้เวลาในการเดินทางสักพัก ก็มาถึงที่แม่วาน  ซึ่งช่วงนี้เป็นหน้าฝน ทำให้ปริมาณของน้ำมีค่อนข้างมาก พวกเราได้เดินตรงไปร้านแห่งหนึ่ง เพื่อสอบถามราคาเช่าแพ ว่าเท่าไร ซึ่งราคาก็ประมาณคนละ 100 บาท พวกเราได้เช่าแพ 3 ลำ ต่อจากนั้นพนักงานของร้านได้ขับรถนำพวกเราไปยังจุดเริ่มต้น หรือจุดปล่อยตัว ซึ่งไกลจากบริเวณร้านที่เช่าแพ ประมาณ 1-2 กิโลเมตร

พวกเราได้สวมใส่เสื้อชูชีพที่แจกให้ แต่บางคนก็ไม่ใส่ เพราะว่าสามารถว่ายน้ำได้ สำหรับฉันต้องใส่ เพราะว่ายน้ำไม่ได้ หลังออกจากจุดปล่อยตัว ฉันรู้สึกตื่นเต้น และชอบมาก เพราะสามารถเห็นต้นไม้ ที่ขึ้นอยู่สองข้างทางแม่น้ำ อย่างสวยงาม ระหว่างการล่องแพก็มีเพื่อนบางคนตกน้ำบ้าง เพราะบางช่วงของแม่น้ำกระแสของน้ำค่อนข้างแรง
ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงยังบริเวณข้างร้านเช่าแพ ซึ่งอยู่ติดกลับบริเวณแม่น้ำ ต่อจากนั้นพวกเราก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด เพื่อไปทานข้าว ซึ่งทุกคนหิวข้าวมาก
สำหรับการเดินทางไปเที่ยวแม่วานในครั้งนี้ ฉันรู้สึกสนุก และชอบมาก ถ้ามีโอกาส ฉันจะกลับไปเที่ยวอีกครั้ง

Diary: The Hobbit

Below is a review of the movie “The Hobbit” written in Thai for learners to practice reading real, short texts by native speakers.

[Dec 2012] I saw The Hobbit the other day and apparently, so did my assistant.  Just like before, give the text a go as is before clicking through to the google doc with the vocabulary.   The only way to get better is to challenge yourself.  While this entry may have a few words you don’t know, it shouldn’t be too tough.

Here’s the link to the gdoc.

วันที่ 15 ธันวาคม 2555
วันนี้เป็นวันเสาร์ ฉันตื่นนอนประมาณ 9:00 โมงเช้า หลังจากนั้นฉันก็ทำความสะอาดบ้าน และซักผ้า ต่อจากนั้นฉันก็อาบน้ำแต่งน้ำ ขับรถไปโรบินสัน เพื่อไปจองตั๋วหนังเรื่องฮอบบิทได้รอบ 6 โมงเย็น ในระบบ 3 มิติ 3 ที่นั่ง เพราะจะมีเพื่อนฉันอีกสองคนที่ไปดูหนังด้วยกัน
หลังจากนั้นฉันก็ไปร้านทำผม เพื่อไปสระผม เพราะร้านทำผม  เขาจะนวดศรีษะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ฉันชอบมาก หลังจากทำผมเสร็จก็ไปห้องสมุดที่มหาวิทยาลัย เพื่อไปยืมหนังสือ เพราะจะมีสอบในวันอังคารที่จะถึงนี้
เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ฉันได้นัดเจอเพื่อนๆ ที่โรบินสัน  เราได้กินข้าวกันก่อน เพราะความยาวของหนังประมาณสามชั่วโมงครึ่ง และเราก็ได้ซื้อป็อปคอนไว้ทานเล่นกันด้วย
พอถึงเวลาประมาณ 5:50 น. เราก็เดินเขาไปยังโรงหนัง ตรงด้านหน้าทางเขาโรงหนังทุกคนก็จะได้รับแว่นตา 3 มิติ มีเพื่อนฉันคนหนึ่งเขาใส่แว่นตาอยู่แล้ว และต้องใส่แว่นตาอีกอันหนึ่ง ฉันรู้สึกแปลกๆ ไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไร
หลังจากจบการฉายหนังเรื่องฮอบบิท ฉันรู้สึกชอบมาก ทั้งในการดำเนินเรื่อง และภาพต่างๆ ในแต่ละฉากที่สวยงาม  โดยเฉพาะการสวมแว่นตา 3 มิติ ทำให้การดูหนังรู้สึกสนุกมากขึ้น เสมือนว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของตัวหนัง และต่อจากนั้น เราก็ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน
พอมาถึงบ้านฉันก็อาบน้ำ ต่อจากนั้นก็ได้นั่งอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ และนั่งดูโทรทัศน์กับพี่สาวจนถึงเที่ยงคืน ฉันก็ต้องขอตัวไปเข้านอนก่อน เพราะง่วงนอนมาก

Learn To Read Thai

Learning to read again in a new language can seem rather daunting, even painful at times.  Even after you’ve gotten comfortable with the Thai script and can learn how the Thai tone rules work,  moving on to longer sentences and eventually short texts can be intimidating.

How I Learned to Read Thai

I spent a couple of years crazily trying to read whatever Japanese books I could get my hands on. Manga, language learning theories, fiction, old literature, etc. What I’ve discovered is that it was a mistake to read manga  or whatever solely because it was manga (or because I heard lots of Japanese learning websites recommend doing so) and it was in Japanese. I just wasn’t couldn’t get into it.   If you are going to invest a lot of time in something, it’s better to spend lots of time trying to read things that you might enjoy.  Be picky.  Because of the enormous amount of time and exposure required, we want to spend as little time as possible being bored and/or frustrated

What I ended up doing is trying to re-read many of the books I read when I was younger.  And when I was a kid, I read lots of Stephen King. So, I went to amazon.jp and ja.wikipedia.org and started to read about Stephen King books that I’ve read in the past and know pretty well. Reviews, summaries, character descriptions, etc. And its been great. Even though every single page has plenty of words that I don’t know, I know enough that can skip as many of those words as I want. I mine everything for sentences of things that I want to see again in my SRS. But the two most important things going on here are that I’m enjoying reading, and I am READING. I only read as long as it stays interesting. If I start spacing out or getting bored or frustrated…I do something else, or go look for something else to read. I can always come back to the current one if I feel like it or just try again tomorrow.

So anyways, I’ve devoured a lot of Stephen King stuff in the past few days and tonight I’m poking around summaries of Star Wars and Robocop. I also really wanna get my hands on some of the Jp translations of SK’s books. (I eventually did)

What YOU Should do to Learn to Read Thai

Anyways, how does this help you? Well, I’d say Thai is more limited than Japanese as far as I know in regards to translations from English when it comes to books. However, there are loads of movies and tv series to work with. So as I’m writing this, Lost is on tv so I figured that was good enough to start with. If you watch that, or Prison Break, Heroes some other show (the early version of this post was written in 2012!), we might have some material to work with.  If there isn’t a Thai wiki for whatever show/movie you’d like to read about, just Google it.  There’s always some Thai people talking about any popular drama out there somewhere.  If you don’t care about tv and movies, then read wiki pages and blogs about whatever interests you.  Find translations of books you read a long time ago and try and read them again in Thai.  You’ll probably remember some of the story which makes it a lot easier to access.  There will likely be loads of words that you don’t know and that’s ok.  Just work out what you can and don’t look up every word.  The important stuff will keep appearing.

So again, how do we go about reading this stuff when we still suck?  Let’s look at a few sentences and how we can break them down into smaller chunks that we might want to put in our notes (and/or flashcards if you use them).

Practice Reading Thai with Wikipedia Articles

First sentence from the Prison Break Wiki
Prison Break เป็นซีรีส์แอ็กชัน ดราม่า ทางโทรทัศน์ ออกอากาศครั้งแรกทางช่องฟ็อกซ์
This one is full of SRS goodness. What have we got?

Prison Break เป็นซีรีส์ – PB is a series

Prison Break เป็นซีรีส์แอ็กชัน PB is an action series

Prison Break เป็นซีรีส์ดราม่า PB is a drama series

Prison Break เป็นซีรีส์ ทางโทรทัศน์ PB is a tv series

PB เป็นซีรีส์ออกอากาศครั้งแรกทางช่องฟ็อกซ์ – PB is a tv series that was first broadcast on/by Fox.

Get the idea yet? Let’s look at the the first line from the Lost Wiki. A bit longer you may notice.

Lost เป็นดราม่าซีรีส์ที่อเมริกา ที่มีเนื้อหากล่าวถึงผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก บนเกาะลึกลับ

See anything from the Prison Break sentence in this one?

Lost เป็นดราม่าซีรีส์ – Lost is a drama series

Lost เป็นดราม่าซีรีส์ที่อเมริกา – Lost is a drama series in America

Lost เป็นซีรีส์ ที่มีผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก = Lost is a series about survivors of a plane crash

Lost เป็นซีรีส์ ที่มีผู้รอด เครื่องบินตก บนเกาะ – Lost is a series of plane crash survivors on an island

บนเกาะลึกลับ – on a mysterious island

Tear apart the sentence until its only got 1 thing it in you don’t know. And if you are still trying to practice reading at a basic level then keep the phrases really short, but don’t waste time with single words. Words out of context are forgotten too easily. There isn’t anything wrong with having a few of the same sentence with only one word changed.

Now, go try and skim through a few of those. Set goals.  Do a few sentences like this each day.  You don’t need to make flashcards for everything.  But, it’s often worth noting down stuff that you see a lot of and want to remember or anything that jumps out at you. Its always ok to delete flashcards and toss your notes.   And when you get up into the thousands it’s a good idea.