reading thai Archives - Page 10 of 11 - Learn Thai from a White Guy

Another LTfaWG Video

I’m off-camera this time interviewing someone else.

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=jqhCSLla19c]

As requested, here are some potentially SRS-worthy vocabulary from the clip:

  • อากาศไม่สะอาด       the air isn’t clean
  • เพิ่งกลับมาเมื่อวาน   I just got back yesterday
  • พูดดัง                         speak up/speak louder
  • ไกล้ (จะ) สอบ แล้ว   almost time for exams
  • Mau ke mana?        where are ya going?
  • Mau belanja.          Going to the market.
  • Bagaimana.             Its good/I’m good.
  • Apa kabar?              Whats new?
  • ที่อินโดมีศาสนาอะไรบ้าง    What religions to they have in Indonesia?
  • ค้นหา คือ search       ค้นหา means (to) search
  • ไ ปนานมี้ย                       did you go for long?
  • พูดไ ด้รึยัง                 So then can you speak (something yet)? **refers to Bahasa Indonesia

Abilities

This post is about the tv drama series, Heroes and includes a breakdown of the Thai wiki’s description of the superhero abilities that appear in the show.
Let’s go over some of those abilities from the Thai wiki.  I’ll give you a few words to start and a few more in the middle as needed.
If you can’t read the Thai alphabet yet, go sign up here to try out some free lessons from my basic online Thai program which covers all the core skills you need to start reading and speaking Thai.
Starting Vocab:
เอก – means ‘1’ ..used to refer to the ‘star’ of something
ความสามารถ – ability (ผู้มีความสามารถ)
ภาค – season (also used in movies “I was a stand-in in Rambo ภาค 4”)
ตำนาน – legend; tale
เช่นเดียวกันกับ – just like ….
  • ปีเตอร์ เพเทรลลี่(ไมโล เวนทิมิกเลีย) (ภาค 1,2) ตัวละครเอกของเรื่อง มีความสามารถในการดูดซับความสามารถของผู้อื่น ที่เขาอยู่ใกล้หรือเคยเห็นความสามารถนั้นๆ
  • เนธาน เพเทรลลี่(เอเดรียน พาสดาร์) (ภาค 1,2) พี่ชายของปีเตอร์, พ่อของแคลร์ มีความสามารถในการเหาะเหิน
  • แคลร์ เบนเนท(แฮเดน พาเนทเทียร์) (ภาค 1,2)เชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียนไฮสคูลที่โอเดสซา เทกซัส เป็นลูกเลี้ยงของโนอาฮ์ เบนเนท, ลูกสาวของเนธาน เพเทรลลี่ มีความสามารถในการสร้างเซลล์ใหม่
  • โนอาฮ์ เบนเนท(แจ็ค โคล์แมน) (ภาค 1,2) พ่อบุญธรรมของแคลร์
  • โมฮินเดอร์ เซอร์เรช(เซนด์ฮิล รามามูร์ธิ) (ภาค 1,2) ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรม ได้เดินทางจากอินเดียมาที่นิวยอร์ก เพื่อมาสืบหาสาเหตุของการเสียชีวิตของพ่อเขา ในเลือดของเขามีสารที่สามารถต่อต้านไวรัส ที่ผู้มีความสามารถกำลังติดเชื้อไวรัสนั้นอยู่
  • ไอแซค เมนเดซ(ซานติเอโก คาเบรรา) (ภาค 1) จิตรกรผู้มีความสามารถในการวาดภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเป็นผู้เขียนการ์ตูนเรื่อง 9th Wonders!
  • อันโด มาซาฮาชิ(เจมส์ ไคสัน ลี) (ภาค 1,2) เป็นเพื่อนสนิทของฮิโระ นาคามูระ แต่ไม่รู้เรื่องความสามารถของผู้อื่น
  • ฮิโระ นาคามูระ(มาซิ โอกะ) (ภาค 1,2) โปรแกรมเมอร์ที่โอซากา ญี่ปุ่น มีความสามารถในการควบคุมกาลเวลา
  • อดัม มอนโร/ทาเคโซ เคนไซ(เดวิด แอนเดอร์ส) (ภาค 2) ชาวอังกฤษผู้สร้างตำนานแห่งนักรบเคนไซในญี่ปุ่น มีความสามารถในสร้างเซลล์ใหม่ เช่นเดียวกันกับแคลร์
  • แมทท์ พาร์คแมน(เกรก กรันเบอร์ก) (ภาค 1,2) ตำรวจ นครลอสแอนเจลิส ผู้มีความสามารถในการอ่านจิตใจของผู้อื่น และได้มีการพัฒนาศักยภาพของความสามารถ จนสามารถควบคุมความคิดของผู้อื่นได้
  • ดี.แอล. ฮอว์คินส์(ลีโอนาร์ด โรเบิร์ทส) (ภาค 1,2) สามีของนิกิ, พ่อของไมคาฮ์ มีความสามารถในการทะลุผ่านสิ่งกีดขวาง
  • นิกิ แซนเดอร์ส(อาลิ ลาร์เทอร์) (ภาค 1,2) นางโชว์ทางอินเทอร์เน็ต มีความสามารถในการใช้พลังเหนือมนุษย์และมีหลายบุคลิก
  • ไมคาฮ์ แซนเดอร์ส(โนอาฮ์ เกรย์-คาเบย์) (ภาค 1,2) เด็กอัจฉริยะ ผู้มีความสามารถในการสื่อสารและควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • โมนิกา ดอว์สัน(แดนา แดวิส) (ภาค 2) หลานสาวของดี.แอล. มีความสามารถในการเลียนแบบพฤติกรรมที่เธอเคยเห็น
  • มายา เฮอเรอรา (ดาเนีย รามิเรซ) (ภาค 2) มีความสามารถในการแพร่กระจายพิษ ที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เวลาที่เธอร้องไห้
  • เอลล์ บิชอป(คริสเตน เบลล์) (ภาค 2) ลูกสาวของบ็อบ หนึ่งใน the company มีความสามารถในการปล่อยพลังงานไฟฟ้า
  • ไซลาร์ (ซาชารี ควินโต) (ภาค 1,2) ตัวร้ายของเรื่อง ชื่อจริง คือ เกเบรล เกรย์ เป็นนักซ่อมนาฬิกา มีความสามารถในการดูดซึมความสามารถของผู้อื่น โดยการฆ่าผู้อื่นแล้วดูดซึมพลังนั้นๆ มา ชื่อ“ไซลาร์”นั้นมาจาก ยี่ห้อของนาฬิกาที่เกเบรลกำลังซ่อมอยู่

Peter – ดูดซับ – absorb (suck+sop/soak)  – so Peter can ดูดซับความสามารถของผู้อื่น

Nathan – การเหาะเหิน flight

Claire เป็นลูกเลี้ยง (adopted) and can สร้างเซลล์ใหม่ (regenerate cells)

Noah – พ่อบุญธรรม (adoptive father)
Mohinder –
ศาสตราจารย์  – Professor  (science+teacher – อ)
ผู้เชี่ยวชาญ  – expert
ด้าน            – side, field
พันธุกรรม   – genetics/heredity
สืบหา      –  investigate
สาเหตุ       – cause; reason
การเสียชีวิตของพ่อเขา – death of his father
ต่อต้านไวรัส –  resist/fight a virus
ติดเชื้อไวรัส – to be infected with a virus
Issac – จิตรกร – artist
วาดภาพ draw pictures
ที่จะเกิดขึ้น that will happen
ในอนาคต  in the future
Hiro – ควบคุมกาลเวลา – control time
Matt – การอ่านจิตใจ – mind- reading
พัฒนา  develop
ศักยภาพ potential
ของความสามารถ  of ability
ควบคุมความคิดของผู้อื่น control someone elses thoughts
D.L. – การทะลุผ่านสิ่งกีดขวาง
ทะลุ to go through; to penetrate
ผ่าน to pass
กีดขวาง obstacles
Niki – พลังเหนือมนุษย์และมีหลายบุคลิก
พลัง  – power
เหนือมนุษย์  super human (mnemonic : North of human)
หลายบุคลิก – multiple personalities
Micah –  เด็กอัจฉริยะ ผู้มีความสามารถในการสื่อสารและควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า
 เด็กอัจฉริยะ – child genius
การสื่อสาร  communication
 ควบคุม      control
เครื่องใช้ไฟฟ้า  machines that use electricity
Monica  มีความสามารถในการเลียนแบบพฤติกรรมที่เธอเคยเห็น
เลียนแบบ imitate
พฤติกรรม behavior
Maya – มีความสามารถในการแพร่กระจายพิษ ที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต เวลาที่เธอร้องไห้
แพร่กระจายพิษ – spread poison
power to release electrical energy
Sylar – ตัวร้ายของเรื่อง มีความสามารถในการดูดซึมความสามารถของผู้อื่น โดยการฆ่าผู้อื่นแล้วดูดซึมพลังนั้นๆ มา ชื่อ“ไซลาร์”นั้นมาจาก ยี่ห้อของนาฬิกาที่เกเบรลกำลังซ่อมอยู่
ตัวร้ายของเรื่อง – antagonist
มีความสามารถ – has the ability ..
ดูดซึมความสามารถของผู้อื่น  to absorb other’s powers
โดยการฆ่าผู้อื่น – by killing others…
ยี่ห้อ brand (name)

Learning to Read – Again

Reading in a new language can seem rather daunting, even painful at times. Some people preach that there are ways around this, but after a year and a half of trying to become fluent in Japanese by reading stuff that would be considered difficult, I haven’t found it yet. The truth is that I don’t read much these days. Getting new English books here always seems to be too much of a hassle. And here I’ve been trying to read whatever Japanese books I could get my hands on. Manga, language learning theories, fiction, old literature, etc. What I’ve discovered is that it was a mistake to read manga or old literature or whatever solely because it was manga (or something) and it was in Japanese. I just wasn’t getting into it. So, what the hell can I read?

Because of the enormous amount of time and exposure required, the last thing we want to spend as little time as possible being bored, frustrated, angry or what not.

I started by asking myself a very important question – “What did I used to read back in the day?”
Lots of Stephen King. So, I went to amazon.jp and ja.wikipedia.org and started to read about Stephen King books that I’ve read in the past and know pretty well. Reviews, summaries, character descriptions, etc. And its been great. Even though every single page has plenty of words that I don’t know, I know enough that can skip as many of those words as I want. I mine everything for sentences of things that I want to see again in my SRS. But the two most important things going on here are that I’m enjoying reading, and I am READING. I only read as long as it stays interesting. If I start spacing out or getting bored or frustrated…I do something else, or go look for something else to read. I can always come back to the current one if I feel like it.

So anyways, I’ve devoured a lot of Stephen King stuff in the past few days and tonight I’m poking around summaries of Star Wars and Robocop. I also really wanna get my hands on some of the Jp translations of SK’s books.

Anyways, how does this help you? Well, I’d say Thai is more limited than Japanese as far as I know in regards to translations from English when it comes to books. However, there are loads of movies and tv series to work with. So as I’m writing this, Lost is on tv so I figured that was good enough to start with. If you watch that, or Prison Break, Heroes or what not, we might have some material to work with.

So again, how do we go about reading this stuff when we still suck? And don’t forget we are mining SRS material as we go. Let’s do some a couple quick lines…

First sentence from the Prison Break Wiki
Prison Break เป็นซีรีส์แอ็กชัน ดราม่า ทางโทรทัศน์ ออกอากาศครั้งแรกทางช่องฟ็อกซ์
This one is full of SRS goodness. What have we got?

Prison Break เป็นซีรีส์  – PB is a series

Prison Break เป็นซีรีส์แอ็กชัน PB is an action series

Prison Break เป็นซีรีส์ดราม่า PB is a drama series

Prison Break เป็นซีรีส์ ทางโทรทัศน์  PB is a tv series

PB เป็นซีรีส์ออกอากาศครั้งแรกทางช่องฟ็อกซ์ – PB is a tv series that was first broadcast on/by Fox.  

Get the idea yet?  Let’s look at the the first line from the Lost Wiki.  A bit longer you may notice.  

Lost เป็นดราม่าซีรีส์ที่อเมริกา ที่มีเนื้อหากล่าวถึงผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก บนเกาะลึกลับ 

See anything from the Prison Break sentence in this one?

Lost เป็นดราม่าซีรีส์ – Lost is a drama series

Lost เป็นดราม่าซีรีส์ที่อเมริกา – Lost is a drama series in America

Lost เป็นซีรีส์ ที่มีผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก = Lost is a series about survivors of a plane crash

Lost เป็นซีรีส์ ที่มีผู้รอด เครื่องบินตก บนเกาะ – Lost is a series of plane crash survivors on an island

บนเกาะลึกลับ – on a mysterious island 

Tear apart the sentence until its only got 1 thing it in you don’t know.  And if you are still trying to practice reading at a basic level then keep the phrases really short, but don’t waste time with single words.  Words out of context are forgotten too easily.   There isn’t anything wrong with having a few of the same sentence with only one word changed.

Now, go try and skim through a few of those.  Set goals.  Mine 3-5 flashcards/day.  You don’t need to SRS everything and there isn’t much point to try to do too much at once anyways.  Just SRS stuff that you see a lot of and want to remember or anything that jumps out at you. Its always ok to delete sentences later.  And when you get up into the thousands – you will, often.

藪の中 Part 3 (ในป่าละเมาะ)

Here is the 3rd part of In a Grove by ริวโนะซุเกะ อะคุตะกะวะ.

คำให้การของตำรวจนายหนึ่งโดยการสอบสวนของหัวหน้าคณะผู้รับผิดชอบคดี

อ้ายคนที่กระผมจับได้หรือขอรับ มันเป็นโจรชื่อกระฉ่อน นามว่า ทาโจมารุ ตอนกระผมจับมันได้ มันเพิ่งตกจากหลังม้า นอนร้องครวญครางอยู่บนสะพานที่อะวาตากุชิ ตอนกี่โมงหรือขอรับ ตอนหัวค่ำของเมื่อวานนี้ขอรับ ผมใคร่จะบอกว่า วันก่อนผมพยายามตามจับมันแต่น่าเสียดายที่มันรอดไปได้ มันใส่ชุดกิโมโนไหมสีน้ำเงินเข้ม มีดาบเกลี้ยงเล่มใหญ่ และอย่างที่ท่านเห็นน่ะขอรับ มันไปได้ธนูกับลูกศรมาจากไหนสักแห่ง ท่านว่าธนูกับลูกศรเหมือนกับของผู้ตายหรือขอรับ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเจ้าทาโจมารุต้องเป็นฆาตกรแน่ๆ ขอรับ ธนูสายหนัง กระบอกธนูสีดำเคลือบมัน ลูกศรปลายขนเหยี่ยวสิบเจ็ดดอก ของทั้งหมดนี่ต้องเป็นของผู้ชายคนนั้นแน่ขอรับ ใช่ขอรับเป็นอย่างที่ท่านว่าจริงๆ ขอรับ ม้าตัวนั้นสีน้ำตาลอมแดงอ่อน แผงคองามทีเดียว กระผมเห็นมันกำลังเล็มหญ้า เชือกบังเหียนห้อยแกว่งไปแกว่งมาอยู่ริมถนนเลยสะพานหินถัดขึ้นไปหน่อย ที่เจ้านั่นโดนเหวี่ยงตกจากหลังม้าลงมา ส่วนหนึ่งต้องเป็นฟ้าลิขิตแน่ขอรับ
ในบรรดาโจรทั้งหมดที่เที่ยวสร้างความเดือดร้อนในเกียวโต เจ้าทาโจมารุนี่แหละขอรับที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิงที่สุด ฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว มีหญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งมาที่ภูเขาหลังวัดโทริเบะ สันนิษฐานว่าคงแวะมาเที่ยว ถูกฆาตกรรมพร้อมกับเด็กหญิงอีกคน สงสัยกันว่าเจ้านี่เป็นคนทำ ถ้าเจ้าฆาตกรนี่ฆ่าผู้ชายคนนั้น ก็บอกไม่ได้ขอรับว่ามันได้ทำอะไรลงไปกับภรรยาของเขาบ้าง กระผมขอให้ท่านใต้เท้าช่วยสืบสวนเรื่องนี้ด้วยนะขอรับ

  • ************************************************************

คำให้การของตำรวจนายหนึ่งโดยการสอบสวนของหัวหน้าคณะผู้รับผิดชอบคดี

  • *If you’ve read the previous 2 parts, I shouldn’t need to explain all this again. I will break it into meaning-based pieces. Good for SRSing….

คำให้การ
ของตำรวจนายหนึ่ง
โดยการสอบสวน
ของหัวหน้าคณะผู้รับผิดชอบคดี

  • *********************************************

อ้ายคนที่กระผมจับได้หรือขอรับ มันเป็นโจรชื่อกระฉ่อน นามว่า ทาโจมารุ ตอนกระผมจับมันได้ มันเพิ่งตกจากหลังม้า นอนร้องครวญครางอยู่บนสะพานที่อะวาตากุชิ ตอนกี่โมงหรือขอรับ ตอนหัวค่ำของเมื่อวานนี้ขอรับ ผมใคร่จะบอกว่า วันก่อนผมพยายามตามจับมันแต่น่าเสียดายที่มันรอดไปได้ มันใส่ชุดกิโมโนไหมสีน้ำเงินเข้ม มีดาบเกลี้ยงเล่มใหญ่ และอย่างที่ท่านเห็นน่ะขอรับ มันไปได้ธนูกับลูกศรมาจากไหนสักแห่ง ท่านว่าธนูกับลูกศรเหมือนกับของผู้ตายหรือขอรับ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเจ้าทาโจมารุต้องเป็นฆาตกรแน่ๆ ขอรับ ธนูสายหนัง กระบอกธนูสีดำเคลือบมัน ลูกศรปลายขนเหยี่ยวสิบเจ็ดดอก ของทั้งหมดนี่ต้องเป็นของผู้ชายคนนั้นแน่ขอรับ ใช่ขอรับเป็นอย่างที่ท่านว่าจริงๆ ขอรับ ม้าตัวนั้นสีน้ำตาลอมแดงอ่อน แผงคองามทีเดียว กระผมเห็นมันกำลังเล็มหญ้า เชือกบังเหียนห้อยแกว่งไปแกว่งมาอยู่ริมถนนเลยสะพานหินถัดขึ้นไปหน่อย ที่เจ้านั่นโดนเหวี่ยงตกจากหลังม้าลงมา ส่วนหนึ่งต้องเป็นฟ้าลิขิตแน่ขอรับ

อ้ายคนที่กระผมจับได้หรือขอรับ
The guy I arrested ‘eh? (as if in response to a question about that ‘guy’) **กระผม = extra polite for ผม , ขอรับ = ครับ

มันเป็นโจรชื่อกระฉ่อน นามว่า ทาโจมารุ
โจร – thief (**good mnemonic ‘someone who gets robbed by a โจร ends up จน’)
ชื่อกระฉ่อน infamous; notorious
นามว่า named…

ตอนกระผมจับมันได้ When I caught him…

มันเพิ่งตกจากหลังม้า he had just fallen off the back of his horse

นอนร้อง

    ครวญคราง

he was lying there moaning
อยู่บนสะพาน on the bridge
ที่อะวาตากุชิ at Awadaguchi (place name)

ตอนกี่โมงหรือขอรับ What time was it now…? (thinking aloud or repeating question being asked by investigator)

ตอนหัวค่ำของเมื่อวานนี้ขอรับ it was early in the evening yesterday…

ผมใคร่จะบอกว่า I’d like to say that…(redundant in English , nothing like this in Japanese version either..)

วันก่อนผมพยายามตามจับมันแต่น่าเสียดายที่มันรอดไปได้
-วันก่อน the other day
-ผมพยายามตามจับมัน I was trying to catch him
-แต่น่าเสียดาย but unfortunately he was able to elude me…

มันใส่ชุดกิโมโนไหมสีน้ำเงินเข้ม
-มันใส่ชุดกิโมโนไหม he was wearing a blue silk kimono
(สีน้ำเงินเข้ม = dark blue **เข้ม meaning dark in this case)

มีดาบเกลี้ยงเล่มใหญ่
-he had a large embossed sword (aside from being the classifier for books เล่ม is also used with blades)

และอย่างที่ท่านเห็นน่ะขอรับ
and as you could see….

มันไปได้ธนูกับลูกศรมาจากไหนสักแห่ง
-he also had a bow and arrows from somewhere with him

ท่านว่าธนูกับลูกศรเหมือนกับของผู้ตายหรือขอรับ
-ท่านว่า are you saying?/do you think
-ธนูกับลูกศร that the bow and arrows
-เหมือนกับของผู้ตาย were the same ones that belonged to the dead man….

ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเจ้าทาโจมารุต้องเป็นฆาตกรแน่ๆ ขอรับ
-ถ้าอย่างนั้น if that is the case (SRS this if you don’t know it!)
-ก็ well then
-แสดงว่า it means that…
-เจ้าทาโจมารุ Tajomaru
-ต้องเป็นฆาตกรแน่ๆ must be the killer without a doubt

ธนูสายหนัง the leather bow
กระบอกธนูสีดำเคลือบมัน the black lacquered/enameled quiver

ลูกศรปลายขนเหยี่ยวสิบเจ็ดดอก with 17 hawk-feather arrows

ของทั้งหมดนี่ต้องเป็นของผู้ชายคนนั้นแน่ขอรับ
-ของทั้งหมดนี่ all these things…(mentioned above)
-ต้องเป็นของผู้ชายคนนั้นแน่ must belong to that man (the dead guy)

ใช่ขอรับเป็นอย่างที่ท่านว่าจริงๆ ขอรับ
-Yes, its just as you say…(what you say is true/right)

ม้าตัวนั้นสีน้ำตาลอมแดงอ่อน
-that horse brownish horse (brown with red ‘in its mouth)

แผงคองามทีเดียว with a well-trimmed mane(แผงคอ)

  • *ทีเดียว here means that whatever its describing is impressive

กระผมเห็นมันกำลังเล็มหญ้า I saw it grazing

  • *เล็มหญ้า – good example of me not having to look up a word I’ve never seen before. What else could the horse be doing to the grass but grazing?

เชือกบังเหียนห้อยแกว่งไปแกว่งมาอยู่ริมถนนเลยสะพานหินถัดขึ้นไปหน่อย
-เชือก rope
-บังเหียน bridle
-ห้อย – hanging
-แกว่งไปแกว่งมา swishing;swaying back and forth
-ริมถนน edge of the road (rim = ริม)
-เลยสะพานหินถัดขึ้นไปหน่อย a bit beyond the stone bridge

ที่เจ้านั่นโดนเหวี่ยงตกจากหลังม้าลงมา
-ที่เจ้านั่น as for that…
-โดนเหวี่ยงตก he was thrown from the horse..
-จากหลังม้าลงมา from the horse
ส่วนหนึ่งต้องเป็นฟ้าลิขิตแน่ขอรับ
-it must have been fate

  • *The previous 2 pieces might translate to something like the following:

Fate likely had a hand in throwing him from his horse.

ในบรรดาโจรทั้งหมดที่เที่ยวสร้างความเดือดร้อนในเกียวโต
-ในบรรดาโจรทั้งหมด even among all the thieves
-ที่เที่ยวสร้างความเดือดร้อนในเกียวโต the plague Kyoto
(สร้างความเดือดร้อน to build trouble,problems,torment,etc)

เจ้าทาโจมารุนี่แหละขอรับที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิงที่สุด
-เจ้าทาโจมารุนี่แหละ this Tajomaru
-ที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิงที่สุด who is the most dangerous for woman (Japanese version implies danger to women as in womanizer)

ฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว Last autumn

มีหญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งมาที่ภูเขาหลังวัดโทริเบะ
-มีหญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่ง a married woman
-มาที่ภูเขา came to the mountain
-หลังวัดโทริเบะ behind Toribe temple

สันนิษฐานว่าคงแวะมาเที่ยว
-สันนิษฐานว่ I presume they were
-คงแวะมาเที่ยว probably visiting (the temple)

ถูกฆาตกรรมพร้อมกับเด็กหญิงอีกคน
-ถูกฆาตกรรม was killed
-พร้อมกับ along with..
-เด็กหญิงอีกคน a young girl

สงสัยกันว่าเจ้านี่เป็นคนทำ
-I wonder if he (the โจร) was the one who did it

ถ้าเจ้าฆาตกรนี่ฆ่าผู้ชายคนนั้น
-ฆาตกร killer (notice any connection to ฆ่า and ฆาตกรรม ??)
-If he was the killer of that man…

ก็บอกไม่ได้ขอรับว่ามันได้ทำอะไรลงไปกับภรรยาของเขาบ้าง
-ก็บอกไม่ได้ขอรับว่ well, I can’t really say
-มันได้ was able/did
-ทำอะไรลงไป to do anything (talking around rape here)
-กับภรรยาของเขาบ้าง with his wife
Translation:
I can’t say for sure whats become of/befallen the wife.

กระผมขอให้ท่านใต้เท้าช่วยสืบสวนเรื่องนี้ด้วยนะขอรับ
-กระผมขอให้ท่านใต้เท้า I hope that you …(super polite)
-ช่วยสืบสวนเรื่องนี้ด้วย are able to solve this case…

藪の中 Part 2 (ในป่าละเมาะ)

คำให้การของพระธุดงค์โดยการสอบสวนของหัวหน้าคณะผู้รับผิดชอบคดี

กี่โมงน่ะรึ คงสักเที่ยงวันของเมื่อวานได้กระมังโยม ประสกผู้โชคร้ายคนนั้นอยู่บนถนนที่ตัดจากเซกิยามะไปยามาชินะ กำลังเดินไปทางเซกิยามะกับสีกาคนหนึ่งที่ขี่ม้าอยู่ ซึ่งอาตมาเพิ่งมารู้ว่านางเป็นภรรยาของประสกผู้นั้น นางเอาผ้าพันคอโพกหัวคลุมปิดหน้าเอาไว้ อาตมาเห็นแต่สีเสื้อผ้าของนาง เป็นชุดสีม่วงอ่อนๆ ส่วนม้านี่รู้สึกจะเป็นม้าสีน้ำตาลอมแดงอ่อน มีแผงคองามทีเดียว สีกาคนนั้นสูงเท่าไหร่รึ คงสักสี่ฟุตห้านิ้วได้กระมัง อาตมาเป็นสงฆ์ ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดของนางเสียเท่าไร ส่วนผู้ชายพกอาวุธเป็นธนูพร้อมกับลูกศร และเท่าที่อาตมาจำได้ เขามีลูกศรอยู่ในกระบอกประมาณยี่สิบดอกได้
นึกไม่ถึงว่าเขาจะเคราะห์ร้ายอย่างนี้ ชีวิตคนเรานี่หนอ มันช่างเหมือนน้ำค้างตอนเช้า เหมือนแสงแปลบปลาบเวลาฟ้าแลบเสียจริงๆ ไม่มีอะไรคงอยู่ไปตลอดกาล อาตมาเวทนาประสกผู้นั้นจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว

  • **********************************************************

คำให้การ testimony
ของ of/by
พระธุดงค์ traveling priest
โดย via/by
การสอบสวน the investigation
ของ of
หัวหน้าคณะ the dept. head
ผู้รับผิดชอบคดี responsible (essentially high ranking police official)

กี่โมงน่ะรึ What time was it now…

คงสักเที่ยงวัน it was probably around noon

ของเมื่อวานได้กระมังโยม yesterday (กระมัง = maybe)

  • * So the above 2 pieces might translate to something like –

it was probably around noon yesterday I guess.

ประสกผู้โชคร้ายคนนั้น (I met??) that unfortunate fellow(ประสก ??? This must be an error..I was thinking it should be ประสบ – to encounter, but after seeing it again later..I realize its not )

อยู่บนถนน was on the road

ที่ตัดจากเซกิยามะไปยามาชินะ at about the halfway point between Sekiyama and Yamashina

กำลังเดินไปทางเซกิยามะ (he) was heading towards Sekiyama

กับสีกาคนหนึ่งที่ขี่ม้าอยู่ with สีกา (crow colored??) who was riding a horse

ซึ่งอาตมาเพิ่งมารู้ว่า so I then realized that…

นางเป็นภรรยาของประสกผู้นั้น this woman (on the horse) was this man’s wife ..(ประสก again..?? I’m not looking it up!!)

นางเอาผ้าพันคอโพกหัวคลุมปิดหน้าเอาไว้ the woman had a veil wrapped around her head covering her face ( ผ้าพันคอ literally means – ‘a cloth bound around the neck’ and โพกหัว is for cloth that is ‘wrapped-around/covering the head’ such as turbans. ปิดหน้า -closed/covered face. As for เอาไว้, I could explain it but it sounds more confusing than it is so just notice it and forget it for now. You’ll see it often enough if you bother to read and it will soon make sense.

อาตมาเห็นแต่สีเสื้อผ้าของนาง I only saw the color of her veil (อาตมา ‘I’ for priests)

เป็นชุดสีม่วงอ่อนๆ her gear was a light shade of purple

ส่วนม้านี่รู้สึกจะเป็นม้าสีน้ำตาลอมแดงอ่อน as for the horse, I think
it was brownish-red (สีน้ำตาลอมแดง = brown with red in its mouth **This probably translates to a specific color, but I have no clue which. In Japanese its 月毛 which apparently means ‘sorrel.’ As I had no idea what that meant in any language I looked it up to discover I had just wasted 5 minutes to come up with ‘light brown’. Yay. This is why we don’t need to look up every word.)

มีแผงคองามทีเดียว it had a well-trimmed mane (แผงคอ = mane, งาม is the partner word of สวย)

สีกาคนนั้นสูงเท่าไหร่รึ how tall was he eh?? (a few times in this story the person being question repeats the inquirers question aloud. Useful as we never hear the chief’s questions.)

คงสักสี่ฟุตห้านิ้วได้กระมัง he was probably about 4.5 ft tall I’d say (this is just bad translation. The measurement in the Japanese version is a 寸 which is about 3 cm or so. The man was not 4.5 ft tall nor was he 4.5 寸 tall. Though if he was it might make the story even more interesting. In the original version the priest is referring to the height of the HORSE and the 4.5 寸 means he was 4.5 寸 taller than average. Fun stuff.)

อาตมาเป็นสงฆ์ I’m a priest

ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดของนางเสียเท่าไร I don’t know much of the ways of women (ใส่ใจ – pay attention, รายละเอียด details )

ส่วนผู้ชายพกอาวุธเป็นธนูพร้อมกับลูกศร as for the man, he wore a bow along with some arrows (พกอาวุธ – carry a weapon – พก means to carry ‘on your person’ useful word)

และเท่าที่อาตมาจำได้ and as far as I can remember…

เขามีลูกศรอยู่ในกระบอกประมาณยี่สิบดอกได้ he had about 20 or so arrows in his quiver (กระบอก quiver, ลูกศร arrows)

  • ********************************************

นึกไม่ถึงว่าเขาจะเคราะห์ร้ายอย่างนี้ ชีวิตคนเรานี่หนอ มันช่างเหมือนน้ำค้างตอนเช้า เหมือนแสงแปลบปลาบเวลาฟ้าแลบเสียจริงๆ ไม่มีอะไรคงอยู่ไปตลอดกาล อาตมาเวทนาประสกผู้นั้นจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว

นึกไม่ถึงว่าเขาจะเคราะห์ร้ายอย่างนี้ I never could have imagined misfortune like this…(เคราะห์ร้าย really bad luck)

ชีวิตคนเรานี่หนอ this life of ours…

เหมือนแสงแปลบปลาบเวลาฟ้าแลบเสียจริงๆ is like a flash of lighting (แปลบปลาบ flash, ฟ้าแลบ lightning)

ไม่มีอะไรคงอยู่ไปตลอดกาล nothing lasts forever (คงอยู่ – to last, ตลอดกาล forever)

อาตมาเวทนาประสกผู้นั้น I sympathize with that guy (ประสก again?? its probably a priest word, but I’m not sure what it means exactly. It obviously doesn’t affect the meaning much so its not even worth looking up)

จนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว and I don’t know what else to say