Here is an amusing article I translated today. I’ll post my translation below, but keep in mind that its not literal and I’ve changed the order in English around because it reads better.
The only name in the article is crossed out. Learning to recognize names of people and places and then ignoring them is an important part of learning to read in a new language. Vocab:
เทศบาลภูเก็ตเร่งแก้ปัญหากลิ่นเหม็นจากบ่อฝังกลบ 10 มิย. 2552 17:33 น. |
Phuket Stinks
This is not a Diary
Excerpt from เด็กไม่เอาถ่าน
วันอังคาร
ก่อนอื่นฉันขอบอกให้ชัดๆ ไปเลยว่า
นี่เป็นบันทึกประจำวัน
ไม่ใช่ไดอารี่ ถึงบนหน้าปกมันจะเขียนไว้ว่าอย่างนั้นก็เถอะ
เมื่อตอนที่แม่ออกไปซื้อมันมาน่ะ
ฉันก็ ย้ำนัก ย้ำหนา แล้วว่าอย่าเอาเล่มที่เขียนว่า “ไดอารี่” มา
คิดดูสิ ถ้าเกิดมีเจ้าโง่ที่ไหนมาเห็นฉันถือสมุดเล่มนี้เดินไปเดินมา
แล้วเข้าใจผิดละก็
แล้วก็อีกอย่างนะ
ต้องบอกให้เคลียร์ๆ กันตรงนี้เลยว่า
นี่เป็นความคิดของแม่ ไม่ใช่ความคิดฉัน
แล้วถ้าแม่คิดว่าฉันจะเขียน “ความรู้สึก” ของฉัน
หรืออะไร ทำนองนั้นลงในนี้ละก็ แสดงว่าแม่เพี้ยนไปแล้ว
เพราะฉะนั้น อย่ามาหวังซะให้ยากว่าฉันจะ เขียนว่า
“ไดอารี่ที่รัก” อย่างนั้น “ไดอารี่ที่รัก” อย่างนี้
เหตุผลเดียวจริงๆ ที่ฉันยอมเขียนก็คือ
ฉันเกิดคิดได้ว่า อีกหน่อยพอฉันรวยและมีชื่อเสียงแล้วนะ
ฉันก็จะได้ไม่ต้องมาคอยตอบคำงี่เง่าทั้งวันไงละ
Reporter A – “เกรกอรี่! ช่วยเล่าเรื่องสมัยเด็กใ้ห้เราฟังหน่อย!”
Reporter B – “วุ้ย คุณนี่ ทั้งหล่อทั้งฉลาดมาตั้งแต่เกิดเลยเหรอค้า”
Greg – “เิอ้านี่บันทึกประจำวันของผมเอาไปอ่านซะ”
สมุดเล่มนี้จะช่วยได้มากเลย ****************************************************************************
วันอังคาร
ก่อนอื่นฉันขอบอกให้ชัดๆ ไปเลยว่า – first off, I want to make it very clear that
นี่เป็นบันทึกประจำวัน – this is a journal
ไม่ใช่ไดอารี่ – not a diary
ถึงบนหน้าปกมันจะเขียนไว้ว่า as for the cover saying
อย่างนั้น that (diary)
ก็เถิะ – whatever (I don’t care, it doesn’t matter)
เมื่อตอนที่ – When
แม่ออกไปซื้อมันมาน่ะ – my mom went out to go buy it
ฉันก็ ย้ำนัก ย้าหนา แล้วว่า – I told her a million times..
อย่าเอาเล่มที่เขียนว่า “ไดอารี่” มา – not to come back with a book that said diary (on the cover)
คิดดูสิ I mean, think about it..
ถ้าเกิด what if
มีเจ้าโง่ที่ไหนมาเห็นฉัน some idiot came along and
ถือสมุดเล่มนี้เดินไปเดินมา – saw me walking around carrying this book (that says diary on the cover)
แล้วเข้าใจผิดละก็ – and misunderstands?
แล้วก็อีกอย่างนะ – And another thing..
ต้องบอกให้เคลียร์ๆ กันตรงนี้เลยว่า – that needs to be said (made clear, pointed out)
นี่เป็นความคิดของแม่ – This was my mother’s idea.
ไม่ใช่ความคิดฉัน – Not mine.
แล้วถ้าแม่คิดว่า – If my mom thinks that..
ฉันจะเขียน “ความรู้สึก” ของฉัน – I’m going to write about my ‘feelings’..
หรืออะไร ทำนองนั้น – or any other gushing nonsense
ลงในนี้ละก็ – in this book, well..
แสดงว่า – then it shows that
แม่เพี้ยนไปแล้ว – my mother has gone mad
เพราะฉะนั้น so
อย่ามาหวังซะ ให้ยากว่าฉันจะ – don’t get your hopes up/expect to see me
เขียนว่า “ไดอารี่ที่รัก” – writing ‘dear diary’ this
อย่างนั้น “ไดอารี่ที่รัก” อย่างนี้ – or ‘dear diary’ that
เหตุผลเดียวจริงๆ – And the main reason…
ที่ฉันยอมเขียนก็คือ – I’ve agreed to write this is ..
ฉันเกิดคิดได้ว่า -I realized that
อีกหน่อยพอฉันรวย – before long I will be rich
และมีชื่อเสียงแล้วนะ – and famous..
ฉันก็จะได้ไม่ต้อง – I won’t have to
มาคอยตอบคำงี่เง่าวันไงละ – wait around answering stupid questions
Reporter A – “เกรกอรี่! ช่วยเล่าเรืองสมัยเด็กใ้ห้เราฟังหน่อย!”
– Gregory ! Please tell us all about your childhood!
Reporter B – “วุ้ย คุณนี่ ทั้งหล่อทั้งฉลาดมาตั้งแต่เกิดเลยเหรอค้า”
-Oooh, have you always been this handsome and clever?
Greg – “เิอ้านี่บันทึกประจำวันของผมเอาไปอ่านซะ”
-Here, just go read my journal.
สมุดเล่มนี้จะช่วยได้มากเลย – See, this book will be a big help.
แซ้บ-tastic – Wikipedia
Excerpt from Wikipedia –
แซ้บ เป็นศัพท์สแลงที่ใช้เรียกเยาวชนระดับล่างในจังหวัดเชียงใหม่ที่มีพฤติกรรมหยาบคายก้าวร้าว
- ศัพท์สแลง – slang
- เยาวชน (ยา วะ ชน) – youth
- ล่าง – low
- มีพฤติกรรม – behavior
- หยาบคาย – rude
- ก้าวร้าว – aggressive
A few characteristics common among แซ้บ-ologists:
แซ้บมักจะมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้
- มีการแต่งตัวแตกต่างไปจากคนปกติซึ่งดูแล้วเชยแต่ตนเองและกลุ่มจะเข้าใจว่าเท่
- ขี่มอเตอร์ไซค์ที่ดัดแปลงท่อไอเสียจนเสียงดัง สร้างความรำคาญแก่ผู้อื่น
- พกพาอาวุธติดตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะมีด ดาบ รวมทั้งอาวุธที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง
- มักจะ – usually
- ดังต่อไปนี้ – as follows
- แต่งตัว – to wear; to dress
- แตกต่าง – to be different
- เชย – unfasionable
- แต่ตนเองและกลุ่ม but amongst/to themselves
- จะเข้าใจว่าเท่ its considered cool
- ดัดแปลง – modify/upgrade
- ท่อไอเสีย – exhaust pipes busted/worn-out
- เสียงดัง – loud
- สร้างความรำคาญ – causing annoyance
- แก่ผู้อื่น – for others
- พกพาอาวุธ – carry weapons/be armed
- เสมอ – always
- โดยเฉพาะ – especially
- มีด – blades
- ดาบ – sword
- รวมทั้งอาวุธ – including weapons..
- ที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง – anything they can come up with
I’ve got Cooties
I picked it up while I was in Bangkok for a week. I wasn’t searching particularly for this one, but I’m pleased with it. Ok, so its a book.
The book is called “ไดอารี่ ของ เด็ก ไม่เอาถ่าน.” Its a translation from an English book.
Anyways, here is the excerpt that I saw while skimming through that led me to plunk down a whopping 245 baht for this book.
A few words to help you out:
- พละ P.E. Class
- สนาม บาส Basketball court
- เป็นตามคาด as expected
- หล่น to fall off
- มีราขึ้น / ขึ้นรา to be moldy
- ขยะแขยง disgusting
- อุตรี strange
- หมอนี่ this kid/guy
- วิธี way; method
- ป้องกัน protect
- ไขว้นิ้ว cross fingers
เสนียด = cooties *Really the word means something more like a curse or bad mojo or something, but thats how they translated and it works for me.
วันพุธ
วันนี้เรามีวิชาพละ พอฉันออกมาข้างนอกได้ ก็รีบไปดูที่ สนามบาส ก่อนเลย อยากจะดูซิว่า แผ่นชีส ยังอยู่ที่นั่นรึเปล่า แล้วก็เป็นตามคาด มันยังอยู่
แผ่ชีส นี่อยู่ที่สนามมา ตั้งแต่เทอมก่อนโน่น มันคง หล่นมาจากแซนด์วิช ของใครสักคน หลังจากนั้นไม่กี่วันแผ่นชีสก็เริ่มมีราขึ้น ดูน่าขยะแขยง ก็เลยไม่มีใครเล่นบาสที่สนามนั่นเลย ถึงจะเป็นสนามเดียวที่ห่วงมีตาข่ายก็เหอะ
แล้ววันนึงก็ดันมีคนอุตริเอานี้วไปจิ้มชีส เจ้าหมอนี่ชื่อ ดาร์เรน วอลช์ และนั่นเป็นจุดเริ่มของไอ้สิ่งที่เรียกกันว่าเสนียดชิส มันก็เหมือนกับเสนียดทั่วไปนั่นแหละ ถ้าโดนเสนียดชีสแล้วก็ต้องมีเสนียดติดไปตลอดจนกว่าจะส่งต่อใ้ห้คนอื่น
วิธีเดียวที่จะป้องกันตัวไม่ให้ติดเสนียดคือต้องไขว้นี้วเอาไว้ แต่แหม ใครจะไปไขว้ินิ้วอยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวันล่ะ มันก็ต้องมีลืมกันบ้าง ฉันก็เลยเอาเทปกาวพันนิ้วให้มันไขว้กันไวัตลอดเวลาซะเลย มันทำให้ฉันได้เกรด D ในวิชาคัดลายมือก็จริง แต่ก็คุ้มแหละน่ะ
มีเด็กคนนึงชื่อ เอ๊บ ฮอลล์ถูกเสนียดชีสในเมษายน ไม่มีใครเข้าใกล้หมอนั่นตลอดทั้งปี ฤดูร้อนปีนี้เอ๊บย้ายไปอยู่แคลิฟอร์เนียและเอาเสนียดชีสติดตัวไปด้วย
ฉันหวังว่าคงจะไม่มีใครเริ่มต้นเสนียดชีสนี่อีกนะ เพราะฉันไม่อยากเครียดแบบนั้นอีกแล้วในชีวิตนี้