Learn Thai Blog Posts, Articles and Free Lessons

Phuket Stinks

Here is an amusing article I translated today.  I’ll post my translation below, but keep in mind that its not literal and I’ve changed the order in English around because it reads better.

The only name in the article is crossed out.  Learning to recognize names of people and places and then ignoring them is an important part of learning to read in a new language.

Vocab:

  • ปลัด เทศบาล (high ranking local offical)
  • กลิ่นเหม็น    foul odor (smell+bad smell)
  • ที่เกิดจาก that is coming from/caused by
  • กล่าวถึง (กล่าว = essentially newspeak for ‘say’)
  • โดยเฉพาะ especially
  • บริเวณหมู่บ้าน สะพานหิน the area around Moo Baan Sapaan Hin (lit. Stone Bridge Village)
  • ที่เกิดขึ้น the scene (the place where ‘something’ occurred)
  • บ่อฝังกลบขยะ landfill
  • จำนวนมาก a lot (large quantity)
  • หาแนวทาง find a way (to do something)
  • การเสริมคันบ่อฝังกลบให้สูงขึ้น increase the height (edge/ridge) of the landfill
  • เพื่อลดความรุนแรงของ to reduce the severity of…
  • อย่างไรก็ตาม in any case
  • เตาเผารับได้ the incinerator can handle…

เทศบาลภูเก็ตเร่งแก้ปัญหากลิ่นเหม็นจากบ่อฝังกลบ

10 มิย. 2552 17:33 น.

นายธวัชชัย ทองมั่ง ปลัดเทศบาลนครภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต กล่าวถึง กรณีกลิ่นเหม็นที่เกิดจากบ่อฝังกลบขยะของเทศบาลนครภูเก็ต ส่งผลให้ชาวบ้านซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณหมู่บ้านสะพานหิน ได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นของขยะจากบ่อฝังกลบดังกล่าว ว่า ได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวแล้ว ซึ่งสาเหตุที่เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นในระยะนี้ เนื่องจากได้มีการปรับปรุงบริเวณบ่อฝังกลบขยะ โดยมีการขุดดินเพื่อทำเป็นคันเสริมขอบบ่อให้มีความสูงเพื่อให้สามารถฝังกลบขยะได้เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับมีฝนตกลงมา จึงทำให้ขยะที่ฝังกลบมาเป็นเวลานานและมีเป็นจำนวนมากส่งกลิ่นเหม็น 
“ ในส่วนของเทศบาลนครภูเก็ตไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น โดยได้พยายามหาแนวทางในการแก้ไข ด้วยการนำสารดับกลิ่นมาราดลงไปบนกองขยะดังกล่าว เพื่อลดความรุนแรงของกลิ่น ก็จะเชื่อว่าปัญหาเรื่องกลิ่นดังกล่าวคงทุเลาเบาบางลงไปได้ ” 
อย่างไรก็ตามนายธวัชชัย ยังกล่าวด้วยว่า เหตุที่ต้องมีการเสริมคันบ่อฝังกลบให้สูงขึ้น เนื่องจากเตาเผาซึ่งใช้งานอยู่ได้เพียงตัวเดียว ขณะนี้ได้หยุดดำเนินการเพื่อทำการซ่อมบำรุงเป็นเวลา 1 เดือน ทำให้ต้องนำขยะที่เคยเข้าสู่เตาเผาซึ่งมีเฉลี่ยวันละ 500 ตัน และเตาเผารับได้ 250 ตัน ต้องนำไปทำการฝังกลบแทน
____________________________________________________________________________________
Local residents, especially those in and around Moo Baan Sapaan Hin, are fed up with the foul odor emanating from the landfill in the Municipality of Phuket.
Mr. Tawatchai Tongmang (ธวัชชัย ทองมั่ง ), the Permanent Secretary of Phuket responded to complaints ensuring locals that the government is aware of the problem and is working to solve it.
He stated that the landfill is currently being expanded to increase capacity. This has left some of the garbage exposed while the walls of the landfill are being raised. Recent rain has exhasberated the problem, creating a considerable stench due to the wet garbage.
“The Municipality is not taking the seriousousness of this problem lightly. We are working on ways of solving this issue, such as with deodarants that should reduce the stench to a more moderate level.”
The landfill is being expanded as the amount of daily waste being produced in Phuket has increased lately due to Phuket’s sole incinerator being out of service for approximately 1 month for repairs. Normally, the incinerator can handle 250 tons per day. This is half of what Phuekt produces each day so the excess garbage is being put in the landfill for the time being.

藪の中 Part 5 Continued (ในป่าละเมาะ)

As requested, I’m gonna keep going forward with 藪の中.   I’ll keep to shorter pieces.  If anybody wants the entire text, you can grab it here.  

  ทุกอย่างราบรื่น ข้ากลายเป็นเพื่อนร่วมทางของพวกมัน ข้าบอกพวกมันว่ามีเนินดินเก่าอยู่บนเขาถัดไปทางโน้น และข้าไปขุดเจอกระจกกับดาบจำนวนมาก ข้าเล่าต่อว่าข้าเอาของไปฝังไว้ในป่าละเมาะหลังเขา และอยากจะขายถูกๆ ให้ใครก็ตามที่อยากได้ ทีนี้…ท่านเห็นหรือยังว่าความโลภมันน่ากลัวแค่ไหน  เจ้านั่นเริ่มหลงละเมอไปกับสิ่งที่ข้าพูดโดยไม่เฉลียวใจสักนิดเดียว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผัวเมียนั่นก็ขี่ม้าบ่ายหน้าไปภูเขากับข้า
    พอมาถึงหน้าป่าละเมาะ ข้าก็บอกทั้งคู่ว่าข้าฝังสมบัติไว้ในนั้น และชวนพวกมันเข้าไปดู ผู้ชายไม่ได้ว่าอะไร เพราะโดนความโลภบดบังจนตาบอด ส่วนผู้หญิงบอกว่าจะรอบนหลังม้า พอเห็นป่าทึบแบบนั้นผู้หญิงที่ไหนจะอยากเข้าไป พูดกันตามตรงนี่ก็เป็นไปตามที่ข้าวางแผนไว้ ข้าเลยเข้าไปในป่ากับผู้ชาย ส่วนผู้หญิงรออยู่ข้างนอกคนเดียว

 

*************************************************************************************************************************

 

ทุกอย่างราบรื่น everything was going smoothly

ข้ากลายเป็นเพื่อน ร่วมทางของพวกมัน

like I was becoming friends with the both of them

ข้าบอกพวกมันว่า I told them…

มีเนินดินเก่า there was an old hill

อยู่บนเขาถัดไป over on the mountain

ทางโน้น way over there

และข้าไปขุดเจอกระจก and I dug up (lots) of mirrors

กับดาบจำนวนมาก and swords

ข้าเล่าต่อว่า I continued on, explaining to them that

ข้าเอาของไปฝังไว้ I I had buried the stuff

ในป่าละเมาะ in a grove

หลังเขา behind the mountain

และอยากจะขายถูกๆ and that I was willing to sell the stuff real cheap

ให้ใครก็ตามที่อยากได้ to anyone who was interested

ทีนี้ท่านเห็นหรือยังว่า Here,…are you getting it yet?

ความโลภมันน่ากลัวแค่ไหน greed is a pretty scary thing..

เจ้านั่นเริ่มหลงละเมอไป they were starting to believe

กับสิ่งที่ข้าพูด what I was telling them

โดยไม่เฉลียวใจ without suspecting anything สักนิดเดียว (the slightest bit)

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง within a half an hour

ผัวเมียนั่น the couple

ก็ขี่ม้าบ่ายหน้าไปภูเขากับข้า were on their way with me to the mountain

พอมาถึงหน้าป่าละเมาะ as soon as we got to the thicket

ข้าก็บอกทั้งคู่ว่าข้าฝังสมบัติไว้ในนั้น I told them the treasure was buried inside

และชวนพวกมันเข้าไปดู and invited them to come along and check it out

ผู้ชายไม่ได้ว่าอะไร the man said nothing

เพราะโดนความโลภบดบังจนตาบอด because he was blinded by greed

ส่วนผู้หญิงบอกว่าจะรอบนหลังม้า the woman said she would wait outside the grove

พอเห็นป่าทึบแบบนั้น Seeing the forest, as thick as it was..

ผู้หญิงที่ไหนจะอยากเข้าไป what woman would enter willingly?

พูดกันตามตรงนี่ก็เป็นไป to be frank…

ตามที่ข้าวางแผนไว้ this was just what I had planned all along

ข้าเลยเข้าไปในป่ากับผู้ชาย I entered the grove with the man

ส่วนผู้หญิงรออยู่ข้างนอกคนเดียว the woman waited outside alone

This is not a Diary

Excerpt from เด็กไม่เอาถ่าน  

วันอังคาร

ก่อนอื่นฉันขอบอกให้ชัดๆ ไปเลยว่า

นี่เป็นบันทึกประจำวัน   

ไม่ใช่ไดอารี่ ถึงบนหน้าปกมันจะเขียนไว้ว่าอย่างนั้นก็เถอะ

เมื่อตอนที่แม่ออกไปซื้อมันมาน่ะ

ฉันก็ ย้ำนัก ย้ำหนา แล้วว่าอย่าเอาเล่มที่เขียนว่า “ไดอารี่” มา   

คิดดูสิ ถ้าเกิดมีเจ้าโง่ที่ไหนมาเห็นฉันถือสมุดเล่มนี้เดินไปเดินมา

แล้วเข้าใจผิดละก็

แล้วก็อีกอย่างนะ

ต้องบอกให้เคลียร์ๆ กันตรงนี้เลยว่า

นี่เป็นความคิดของแม่ ไม่ใช่ความคิดฉัน   

แล้วถ้าแม่คิดว่าฉันจะเขียน “ความรู้สึก”  ของฉัน

หรืออะไร ทำนองนั้นลงในนี้ละก็ แสดงว่าแม่เพี้ยนไปแล้ว 

เพราะฉะนั้น อย่ามาหวังซะให้ยากว่าฉันจะ เขียนว่า  

“ไดอารี่ที่รัก” อย่างนั้น “ไดอารี่ที่รัก”  อย่างนี้  

เหตุผลเดียวจริงๆ ที่ฉันยอมเขียนก็คือ

ฉันเกิดคิดได้ว่า อีกหน่อยพอฉันรวยและมีชื่อเสียงแล้วนะ

ฉันก็จะได้ไม่ต้องมาคอยตอบคำงี่เง่าทั้งวันไงละ

Reporter A – “เกรกอรี่! ช่วยเล่าเรื่องสมัยเด็กใ้ห้เราฟังหน่อย!”

Reporter B – “วุ้ย คุณนี่ ทั้งหล่อทั้งฉลาดมาตั้งแต่เกิดเลยเหรอค้า”

Greg – “เิอ้านี่บันทึกประจำวันของผมเอาไปอ่านซะ”

สมุดเล่มนี้จะช่วยได้มากเลย ****************************************************************************

วันอังคาร

ก่อนอื่นฉันขอบอกให้ชัดๆ ไปเลยว่า – first off, I want to make it very clear that  

 

นี่เป็นบันทึกประจำวัน – this is a journal 

 

ไม่ใช่ไดอารี่  – not a diary

 

ถึงบนหน้าปกมันจะเขียนไว้ว่า as for the cover saying  

 

อย่างนั้น that (diary)

 

 ก็เถิะ – whatever (I don’t care, it doesn’t matter)

 

เมื่อตอนที่ – When 

 

แม่ออกไปซื้อมันมาน่ะ – my mom went out to go buy it  

 

ฉันก็ ย้ำนัก ย้าหนา แล้วว่า – I told her a million times..

 

อย่าเอาเล่มที่เขียนว่า “ไดอารี่” มา – not to come back with a book that said diary (on the cover)

 

 

คิดดูสิ I mean, think about it..

 

ถ้าเกิด what if

 

มีเจ้าโง่ที่ไหนมาเห็นฉัน some idiot came along and

 

ถือสมุดเล่มนี้เดินไปเดินมา – saw me walking around carrying this book (that says diary on the cover)

 

แล้วเข้าใจผิดละก็ – and misunderstands?

 

แล้วก็อีกอย่างนะ – And another thing..

 

ต้องบอกให้เคลียร์ๆ กันตรงนี้เลยว่า – that needs to be said (made clear, pointed out)

 

นี่เป็นความคิดของแม่ – This was my mother’s idea.

 

 ไม่ใช่ความคิดฉัน – Not mine.

 

 

แล้วถ้าแม่คิดว่า – If my mom thinks that..

 

ฉันจะเขียน “ความรู้สึก”  ของฉัน – I’m going to write about my ‘feelings’..

 

หรืออะไร  ทำนองนั้น – or any other gushing nonsense

 

ลงในนี้ละก็ – in this book, well.. 

 

แสดงว่า – then it shows that

 

แม่เพี้ยนไปแล้ว – my mother has gone mad

 

เพราะฉะนั้น  s

อย่ามาหวังซะ  ให้ยากว่าฉันจะ – don’t get your hopes up/expect to see me 

 เขียนว่า  “ไดอารี่ที่รัก”  – writing ‘dear diary’ this

อย่างนั้น “ไดอารี่ที่รัก”  อย่างนี้ – or ‘dear diary’ that

 

 

เหตุผลเดียวจริงๆ – And the main reason… 

 

ที่ฉันยอมเขียนก็คือ – I’ve agreed to write this is .. 

 

ฉันเกิดคิดได้ว่า -I realized that 

 

อีกหน่อยพอฉันรวย – before long I will be rich

 

และมีชื่อเสียงแล้วนะ – and famous..

 

ฉันก็จะได้ไม่ต้อง – I won’t have to 

 

มาคอยตอบคำงี่เง่าวันไงละ – wait around answering stupid questions 

 

Reporter A – “เกรกอรี่! ช่วยเล่าเรืองสมัยเด็กใ้ห้เราฟังหน่อย!”

 – Gregory ! Please tell us all about your childhood!

 

Reporter B – “วุ้ย คุณนี่ ทั้งหล่อทั้งฉลาดมาตั้งแต่เกิดเลยเหรอค้า”

-Oooh, have you always been this handsome and clever?

 

Greg – “เิอ้านี่บันทึกประจำวันของผมเอาไปอ่านซะ”

-Here, just go read my journal.

 

สมุดเล่มนี้จะช่วยได้มากเลย – See, this book will be a big help.  

 

 

 

แซ้บ-tastic – Wikipedia

Excerpt from Wikipedia –

แซ้บ เป็นศัพท์สแลงที่ใช้เรียกเยาวชนระดับล่างในจังหวัดเชียงใหม่ที่มีพฤติกรรมหยาบคายก้าวร้าว

 

 

  • ศัพท์สแลง – slang
  • เยาวชน (ยา วะ ชน)  – youth
  • ล่าง         – low
  • มีพฤติกรรม – behavior
  • หยาบคาย  – rude
  • ก้าวร้าว     – aggressive

 

A few characteristics common among แซ้บ-ologists:

 

แซ้บมักจะมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้

 

  • มีการแต่งตัวแตกต่างไปจากคนปกติซึ่งดูแล้วเชยแต่ตนเองและกลุ่มจะเข้าใจว่าเท่
  • ขี่มอเตอร์ไซค์ที่ดัดแปลงท่อไอเสียจนเสียงดัง สร้างความรำคาญแก่ผู้อื่น
  • พกพาอาวุธติดตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะมีด ดาบ รวมทั้งอาวุธที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง

 

  • มักจะ – usually
  • ดังต่อไปนี้ – as follows
  • แต่งตัว     – to wear; to dress
  • แตกต่าง  – to be different
  • เชย        – unfasionable
  • แต่ตนเองและกลุ่ม but amongst/to themselves
  • จะเข้าใจว่าเท่    its considered cool
  • ดัดแปลง     – modify/upgrade
  • ท่อไอเสีย    – exhaust pipes busted/worn-out
  • เสียงดัง      – loud
  • สร้างความรำคาญ – causing annoyance
  • แก่ผู้อื่น         – for others
  • พกพาอาวุธ – carry weapons/be armed
  • เสมอ       – always
  • โดยเฉพาะ  – especially
  • มีด     – blades
  • ดาบ  –  sword  
  • รวมทั้งอาวุธ – including weapons.. 
  • ที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง – anything they can come up with

 

 

I’ve got Cooties

I picked it up while I was in Bangkok for a week.  I wasn’t searching particularly for this one, but I’m pleased with it.   Ok, so its a book. 

The book is called “ไดอารี่ ของ เด็ก ไม่เอาถ่าน.”  Its a translation from an English book.

Anyways, here is the excerpt that I saw while skimming through that led me to plunk down a whopping 245 baht for this book.

A few words to help you out:

 

  • พละ                P.E. Class
  • สนาม บาส      Basketball court
  • เป็นตามคาด    as expected
  • หล่น                to fall off 
  • มีราขึ้น / ขึ้นรา  to be moldy
  • ขยะแขยง       disgusting
  • อุตรี                strange
  • หมอนี่            this kid/guy
  • วิธี                 way; method
  • ป้องกัน          protect
  • ไขว้นิ้ว          cross fingers

เสนียด = cooties  *Really the word means something more like a curse or bad mojo or something, but thats how they translated and it works for me.

 

วันพุธ 

วันนี้เรามีวิชาพละ พอฉันออกมาข้างนอกได้ ก็รีบไปดูที่ สนามบาส ก่อนเลย อยากจะดูซิว่า แผ่นชีส ยังอยู่ที่นั่นรึเปล่า แล้วก็เป็นตามคาด มันยังอยู่

แผ่ชีส นี่อยู่ที่สนามมา ตั้งแต่เทอมก่อนโน่น มันคง หล่นมาจากแซนด์วิช ของใครสักคน หลังจากนั้นไม่กี่วันแผ่นชีสก็เริ่มมีราขึ้น ดูน่าขยะแขยง ก็เลยไม่มีใครเล่นบาสที่สนามนั่นเลย ถึงจะเป็นสนามเดียวที่ห่วงมีตาข่ายก็เหอะ 

แล้ววันนึงก็ดันมีคนอุตริเอานี้วไปจิ้มชีส เจ้าหมอนี่ชื่อ ดาร์เรน วอลช์ และนั่นเป็นจุดเริ่มของไอ้สิ่งที่เรียกกันว่าเสนียดชิส มันก็เหมือนกับเสนียดทั่วไปนั่นแหละ ถ้าโดนเสนียดชีสแล้วก็ต้องมีเสนียดติดไปตลอดจนกว่าจะส่งต่อใ้ห้คนอื่น

วิธีเดียวที่จะป้องกันตัวไม่ให้ติดเสนียดคือต้องไขว้นี้วเอาไว้ แต่แหม ใครจะไปไขว้ินิ้วอยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวันล่ะ มันก็ต้องมีลืมกันบ้าง ฉันก็เลยเอาเทปกาวพันนิ้วให้มันไขว้กันไวัตลอดเวลาซะเลย มันทำให้ฉันได้เกรด D ในวิชาคัดลายมือก็จริง แต่ก็คุ้มแหละน่ะ

มีเด็กคนนึงชื่อ เอ๊บ ฮอลล์ถูกเสนียดชีสในเมษายน ไม่มีใครเข้าใกล้หมอนั่นตลอดทั้งปี ฤดูร้อนปีนี้เอ๊บย้ายไปอยู่แคลิฟอร์เนียและเอาเสนียดชีสติดตัวไปด้วย

ฉันหวังว่าคงจะไม่มีใครเริ่มต้นเสนียดชีสนี่อีกนะ เพราะฉันไม่อยากเครียดแบบนั้นอีกแล้วในชีวิตนี้