By Difficulty Archives - Page 17 of 23 - Learn Thai from a White Guy

Robinson Crusoe – Transcript

[youtube=http://www.youtube.com/watch?v=P1aTwMX2vZ4]

Robinson Crusoe

ก็เป็นคนหนึ่งชาว(หัวเราะ) สักอันหนึ่งอ่ะ(หัวเราะ) จำไม่ได้ไง จำได้แค่ว่าคือ เค้าง่ะเป็นคนที่ชอบ  ชอบการผจญภัย เค้าก็เลย  ที่จำได้ก็คือ เค้าออกไปแล่นเรือกับเพื่อนๆ  กับอะไรอย่างเงี่ย แล้วก็เหมือนแบบเกิดโดนโจรสลัดนะมาปล้น  แล้วเค้าก็ถูกจับไปเป็นเชลย แล้วเสร็จแล้วเค้าก็ แต่ว่าเจ้านายเค้านะเป็นคนดี ใจดีมากเลย พอเค้าถูกจับไปอะไรอย่างเงี่ยก็คือไปเป็นทาส แต่ว่าเค้าก็ไม่ได้แบบโหดร้ายทารุณอะไร อะไรชายคนนี้ นายเอแล้วกันบู๋จำชื่อไม่ได้ ไม่ได้ทารุณเอ แล้วพอมาวันหนึ่งเค้าก็ให้ออกไปแบบไปล่องเรือคือประมาณแบบว่ามีโอกาสที่จะหลบหนี เค้าก็เลยหลบหนีออกไปเสร็จแล้วปุ๊บก็เค้าก็เรือมันแบบไม่ได้ใหญ่อะไรมากอย่างเงี่ย มันก็เลยเหมือนแบบอับปราง แล้วก็ไปติดอยู่บนเกาะ เค้าก็อยู่บนเกาะคนเดียวคือคนอื่นนะตายหมดเลยอะไรอย่างเงี่ย เค้าก็อยู่บนเกาะคนเดียว แล้วก็พอเค้าตื่นขึ้นมาคือประมาณว่าก็อยู่บนเกาะที่ข้างรอบๆข้างก็มีแต่ทะเลอย่างเงี่ย เค้าก็ไม่รู้ต้องใช้ชีวิตอย่างไง ต้องทำอย่างไง เค้าก็เริ่มเรียนรู้ว่าอยู่บนนี้อันดับแรกก็ต้องสร้างๆบ้าน สร้างที่พัก สร้างที่อยู่ แล้วก็หาอะไรมากิน แล้วการจะหาอะไรกินก็ต้องเป็นผลไม้หรือว่าเป็นสัตว์ป่าที่อยู่ตรงนั้น แล้วก็น้ำก็ต้อง เค้าก็ต้องรู้จักที่จะจุดไฟแล้วก็มีหม้อ มีอะไรอย่างเงี่ยเพื่อที่จะเอามาต้มน้ำ เพราะถ้าเกิดกินน้ำที่มันมาจากน้ำทะเลหรือจากที่แบบตามแหล่งน้ำที่แบบตรงนั้นมันก็ต้องแบบไม่สะอาด แล้วก็อาจจะทำให้เค้าติดเชื้ออะไรอย่างงี้ได้ เค้าก็เลยแบบต้องหาหม้อมาต้ม แล้วเค้าจะหาหม้อจากไหน คือเค้าไม่มีอะไรเลย เค้าก็เลยแบบต้องเริ่มสร้างจากหินจากอะไรอย่างเงี่ยก็เอาหินมาแบบ เค้าเรียกว่าอะไรล่ะ ตีๆๆต่อยกันจนแบบเหลาให้เป็นไม้ เป็นมีดดาบ อะไรอย่างเงี่ย คือ เครื่องครัวอะไรต่างๆนาๆของเค้า คือเหมือนประมาณว่าบ้านหลังหนึ่งควรจะมีของอะไรบ้าง คือเค้าสร้างขึ้นมาเองหมดเลย แต่ว่าระยะเวลาในการสร้างก็คือ เค้าอยู่ที่นี้ประมาณ 27 ปี เพื่อที่จะสร้างพวกนี้ให้ครบหมดทุกอย่างเลย จนสุดท้ายสุดที่เค้านะหลบหนีออกมาจากเกาะนี้ได้ก็มีคนหนึ่งก็ ไม่ใช่มีคนหนึ่งก็กลุ่มหนึ่งเหมือนกัน เค้าเป็นเหมือนเป็นกัปตันเรือ แล้วเค้าก็ถูกจับโดยแบบมีแบบมีพวกที่ทรยศเค้าเนี่ยในเรือเดียวกันนี้ เค้าก็ถูกจับเอาไว้ เค้า(นายเอหรือRobinson)ก็เหมือนแบบไปช่วยคนเนี่ย(กัปตัน) แล้วคนเนี่ยก็เลยบอกว่า เออเนี่ย! ทำแผนกันว่าเค้า(กัปตัน) จะไปเอาเรือคืนอะไรอย่างเงี่ย ไปเอาเรือคืน แล้วถ้าเกิดเค้าส่งสัญญาณมานั้นแปลว่าสงบแล้วก็ให้เค้าออกไป แล้วเค้าก็จะพาไปกลับบ้านเค้าอะไรอย่างเงี่ย(เป็นคนประเทศเดียวกัน) แล้วสุดท้ายแล้วกัปตันนี้ก็ทำสำเร็จก็เลยพาเค้ากลับบ้านแล้วก็จับไอ้พวกที่ทรยศนั้นน่ะให้มันถูกจับอยู่เกาะแทนเงี่ย แต่พวก แต่ว่าพวกนี้ก็ยังโชคดีกว่าเค้าตอนที่เค้ามาครั้งแรกคือเค้าไม่มีอะไรเลย เค้าสร้างเองหมด แต่ตอนนี้พวกเนี่ยมาคือเค้าสร้างไว้ให้หมดแล้ว อย่างงั้นพวกนี้ก็ยังคงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่ว่ามันจะติดต่อกับใครไม่ได้เท่านั้นเอง แล้วเค้าก็ได้กลับบ้าน แต่สรุปสุดท้ายเค้าก็คิดว่าเค้าจะไม่ ไม่ล่องเรืออีกล่ะ จะไม่ทำอะไรอีกล่ะ ก็คือแบบจะอยู่ชีวิตเฉยๆธรรมดาๆ เรียบง่ายอะไรอย่างเงี่ย แต่การที่เค้ากลับไป 27 ปีที่เค้าไม่อยู่ พอเค้ากลับไป พ่อ แม่ ของเค้าก็ตาย พี่ชายเค้า ญาติเค้าก็คือตาย(ไป)หมดเลย เหลือแต่หลาน หลานกับลูกของพี่ชาย(หลานอีกคน) ก็ประมาณ 2 คนเท่านั้นแหละที่เค้า(ไป)อยู่ด้วย แล้วสรุปสุดท้ายหลานเค้าคนโตเนี่ยก็ชอบเหมือนกัน ชอบเหมือนกับเค้าก็เลยแบบชวนเค้าออกไปล่องเรืออีกครั้งหนึ่ง เค้าก็เลยได้ออกมาผจญภัยอีกครั้งหนึ่งเนี่ย เค้าก็เลยคิดว่าเองเค้านะเป็นเรื่องที่แปลก เรื่องที่แปลกที่วันหนึ่งจะต้องเอามาเขียนเป็นหนังสืออะไรอย่างเงี่ย แล้วก็เอามาขายได้ อะไรอย่างเงี่ย อืมมม จบล่ะ

How to say FOR in Thai

When I first wanted to know the word for “for” in Thai,  my Lonely Planet Phrasebook said สำหรับ or samrap.  While สำหรับ does mean “for,” in many cases, it is not the best answer.

for in thai

Samrap you, samrap me?

There are 3 main ways to say “for” in Thai.   Luckily, there is often some overlap with their English equivalents, but it may take a bit to get used to which word you’ll need to use in each situation.  I’ll include some key examples in this post so you can get an idea which is which.

“FOR” in Thai

The first version of “for” that we will look at is “ สำหรับ” (sam-rap).

This version of “for” is often used when talking about what the purpose of a thing is or what it’s intended use is. Let’s look at the sentence “games for kids”.  The “for” in this sentence essentially means “intended to be used by”.  This is how the word สำหรับ (sam-rap) is used in Thai.

สำหรับ (sam-rap) + NOUN = for (use by/of)

สำหรับ can also be attached to a verb phrase.  This is similar to how we would say a phrase like “a pen for ipad.”  The “for” means something like “for the purpose of.”

The usage is just sap-rap สำหรับ  + the verb:

สำหรับ (sam-rap) + VERB = “intended to used to do X”

Here are some more examples:

For in Thai  (for the benefit of)

The next Thai version of “for” that we’re going to look at is the word เพื่อ (phuea).  เพื่อ (phuea) means something like in order to; for the benefit of; for the purpose of someone or something.  For example “to work for my family”.  The “for” in this sentence means something like “for the benefit of”.

This word is used for all the organizations and foundations.  School for the blind, for the people, etc.

เพื่อ (phuea) – for the benefit/purpose of someone/something; in order to

For in Thai (on behalf of/ in case of)

The third version of “for” that we will look at is เผื่อ (phuea).  This can mean something similar to the English “in case of something” or “on behalf of”  

In these examples, เผื่อ works like “in case.”

While in these very commonly used examples, เผื่อ functions as “on behalf of”

These are often used when you are telling someone you are going to do something…go eat, go out, go on a trip, etc and the person you are speaking to says this to mean something like “do it/one for me too!”

English example, you are heading out to the pub, but your friend is sick or has to stay home in work – they might say ‘Drink one for me!”

เผื่อ (phuea) –

Thai Tone Tip:

Although the word เผื่อ (phuea) and เพื่อ (phuea) above share the same vowel and same initial consonant sound, they are spoken with a different tone.  As Thai is a tonal language, this can change the meaning of a word.  Click on the audio for both words again and pay attention to tones of each word. เพื่อ (phuea) is spoken with a falling tone – meaning the tone rises and then falls again, while the word เผื่อ (phuea) is spoken with a low tone.  

These 2 words take different tones because of 2 factors: their initial consonant AND the tone mark.

  • เผื่อ – Is a LOW tone, because it begins with the because class consonant and has the 1st Tone Mark.
  • เพื่อ – takes a FALLING tone because it’s a low class consonant with the first tone mark.

While you need to know the 4 tone marks in order to determine the tone of a word or syllable in Thai, you ALSO need to know the CONSONANT CLASS of the word as each of the 3 classes has slightly different tone rules that you’ll need to master in order to learn to speak Thai fluently.

It does take a bit of work, but you can learn to read and speak Thai.  Sign up below and we’ll send you some free lessons from our Learn Thai Inner Circle program.

For in Thai: Bonus Round ให้

ให้ (hai) is a very versatile word which has lots of different uses.  Depending on the sentence it can mean: to give; to allow; to make someone do something; and it can also be used as the preposition, “for.”   If this sounds intimidating, try to explain to a non-native English speaker what “get” means.

 Sentences Where “For” Isn’t Used in Thai

Even though there are lots of ways to say “for” in Thai, there are a number of sentences where “for” is not used.

Below are some situations where we use “for” in English but not in Thai.

Situation 1: When talking about how long something has been or will be done for.

Example sentences:

Even though in English we need to use the word “for” in these sentences, in Thai there is no equivalent version of “for” used.

Situation 2: When thanking someone or saying sorry for doing something.

Example sentences:

Once again, there is no version of “for” used in these Thai sentences.

Farang Tip:

We understand that trying to memorize all of this will be impossible for most people.  Just bookmark this page and come back to reference it as needed.   Whenever you run into a situation where you want to say something and you don’t know how, make a note somewhere and look it up, send us a message, or ask on a app like HiNative.

藪の中 Part 5 Continued (ในป่าละเมาะ)

As requested, I’m gonna keep going forward with 藪の中.   I’ll keep to shorter pieces.  If anybody wants the entire text, you can grab it here.  

  ทุกอย่างราบรื่น ข้ากลายเป็นเพื่อนร่วมทางของพวกมัน ข้าบอกพวกมันว่ามีเนินดินเก่าอยู่บนเขาถัดไปทางโน้น และข้าไปขุดเจอกระจกกับดาบจำนวนมาก ข้าเล่าต่อว่าข้าเอาของไปฝังไว้ในป่าละเมาะหลังเขา และอยากจะขายถูกๆ ให้ใครก็ตามที่อยากได้ ทีนี้…ท่านเห็นหรือยังว่าความโลภมันน่ากลัวแค่ไหน  เจ้านั่นเริ่มหลงละเมอไปกับสิ่งที่ข้าพูดโดยไม่เฉลียวใจสักนิดเดียว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผัวเมียนั่นก็ขี่ม้าบ่ายหน้าไปภูเขากับข้า
    พอมาถึงหน้าป่าละเมาะ ข้าก็บอกทั้งคู่ว่าข้าฝังสมบัติไว้ในนั้น และชวนพวกมันเข้าไปดู ผู้ชายไม่ได้ว่าอะไร เพราะโดนความโลภบดบังจนตาบอด ส่วนผู้หญิงบอกว่าจะรอบนหลังม้า พอเห็นป่าทึบแบบนั้นผู้หญิงที่ไหนจะอยากเข้าไป พูดกันตามตรงนี่ก็เป็นไปตามที่ข้าวางแผนไว้ ข้าเลยเข้าไปในป่ากับผู้ชาย ส่วนผู้หญิงรออยู่ข้างนอกคนเดียว

 

*************************************************************************************************************************

 

ทุกอย่างราบรื่น everything was going smoothly

ข้ากลายเป็นเพื่อน ร่วมทางของพวกมัน

like I was becoming friends with the both of them

ข้าบอกพวกมันว่า I told them…

มีเนินดินเก่า there was an old hill

อยู่บนเขาถัดไป over on the mountain

ทางโน้น way over there

และข้าไปขุดเจอกระจก and I dug up (lots) of mirrors

กับดาบจำนวนมาก and swords

ข้าเล่าต่อว่า I continued on, explaining to them that

ข้าเอาของไปฝังไว้ I I had buried the stuff

ในป่าละเมาะ in a grove

หลังเขา behind the mountain

และอยากจะขายถูกๆ and that I was willing to sell the stuff real cheap

ให้ใครก็ตามที่อยากได้ to anyone who was interested

ทีนี้ท่านเห็นหรือยังว่า Here,…are you getting it yet?

ความโลภมันน่ากลัวแค่ไหน greed is a pretty scary thing..

เจ้านั่นเริ่มหลงละเมอไป they were starting to believe

กับสิ่งที่ข้าพูด what I was telling them

โดยไม่เฉลียวใจ without suspecting anything สักนิดเดียว (the slightest bit)

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง within a half an hour

ผัวเมียนั่น the couple

ก็ขี่ม้าบ่ายหน้าไปภูเขากับข้า were on their way with me to the mountain

พอมาถึงหน้าป่าละเมาะ as soon as we got to the thicket

ข้าก็บอกทั้งคู่ว่าข้าฝังสมบัติไว้ในนั้น I told them the treasure was buried inside

และชวนพวกมันเข้าไปดู and invited them to come along and check it out

ผู้ชายไม่ได้ว่าอะไร the man said nothing

เพราะโดนความโลภบดบังจนตาบอด because he was blinded by greed

ส่วนผู้หญิงบอกว่าจะรอบนหลังม้า the woman said she would wait outside the grove

พอเห็นป่าทึบแบบนั้น Seeing the forest, as thick as it was..

ผู้หญิงที่ไหนจะอยากเข้าไป what woman would enter willingly?

พูดกันตามตรงนี่ก็เป็นไป to be frank…

ตามที่ข้าวางแผนไว้ this was just what I had planned all along

ข้าเลยเข้าไปในป่ากับผู้ชาย I entered the grove with the man

ส่วนผู้หญิงรออยู่ข้างนอกคนเดียว the woman waited outside alone

This is not a Diary

Excerpt from เด็กไม่เอาถ่าน  

วันอังคาร

ก่อนอื่นฉันขอบอกให้ชัดๆ ไปเลยว่า

นี่เป็นบันทึกประจำวัน   

ไม่ใช่ไดอารี่ ถึงบนหน้าปกมันจะเขียนไว้ว่าอย่างนั้นก็เถอะ

เมื่อตอนที่แม่ออกไปซื้อมันมาน่ะ

ฉันก็ ย้ำนัก ย้ำหนา แล้วว่าอย่าเอาเล่มที่เขียนว่า “ไดอารี่” มา   

คิดดูสิ ถ้าเกิดมีเจ้าโง่ที่ไหนมาเห็นฉันถือสมุดเล่มนี้เดินไปเดินมา

แล้วเข้าใจผิดละก็

แล้วก็อีกอย่างนะ

ต้องบอกให้เคลียร์ๆ กันตรงนี้เลยว่า

นี่เป็นความคิดของแม่ ไม่ใช่ความคิดฉัน   

แล้วถ้าแม่คิดว่าฉันจะเขียน “ความรู้สึก”  ของฉัน

หรืออะไร ทำนองนั้นลงในนี้ละก็ แสดงว่าแม่เพี้ยนไปแล้ว 

เพราะฉะนั้น อย่ามาหวังซะให้ยากว่าฉันจะ เขียนว่า  

“ไดอารี่ที่รัก” อย่างนั้น “ไดอารี่ที่รัก”  อย่างนี้  

เหตุผลเดียวจริงๆ ที่ฉันยอมเขียนก็คือ

ฉันเกิดคิดได้ว่า อีกหน่อยพอฉันรวยและมีชื่อเสียงแล้วนะ

ฉันก็จะได้ไม่ต้องมาคอยตอบคำงี่เง่าทั้งวันไงละ

Reporter A – “เกรกอรี่! ช่วยเล่าเรื่องสมัยเด็กใ้ห้เราฟังหน่อย!”

Reporter B – “วุ้ย คุณนี่ ทั้งหล่อทั้งฉลาดมาตั้งแต่เกิดเลยเหรอค้า”

Greg – “เิอ้านี่บันทึกประจำวันของผมเอาไปอ่านซะ”

สมุดเล่มนี้จะช่วยได้มากเลย ****************************************************************************

วันอังคาร

ก่อนอื่นฉันขอบอกให้ชัดๆ ไปเลยว่า – first off, I want to make it very clear that  

 

นี่เป็นบันทึกประจำวัน – this is a journal 

 

ไม่ใช่ไดอารี่  – not a diary

 

ถึงบนหน้าปกมันจะเขียนไว้ว่า as for the cover saying  

 

อย่างนั้น that (diary)

 

 ก็เถิะ – whatever (I don’t care, it doesn’t matter)

 

เมื่อตอนที่ – When 

 

แม่ออกไปซื้อมันมาน่ะ – my mom went out to go buy it  

 

ฉันก็ ย้ำนัก ย้าหนา แล้วว่า – I told her a million times..

 

อย่าเอาเล่มที่เขียนว่า “ไดอารี่” มา – not to come back with a book that said diary (on the cover)

 

 

คิดดูสิ I mean, think about it..

 

ถ้าเกิด what if

 

มีเจ้าโง่ที่ไหนมาเห็นฉัน some idiot came along and

 

ถือสมุดเล่มนี้เดินไปเดินมา – saw me walking around carrying this book (that says diary on the cover)

 

แล้วเข้าใจผิดละก็ – and misunderstands?

 

แล้วก็อีกอย่างนะ – And another thing..

 

ต้องบอกให้เคลียร์ๆ กันตรงนี้เลยว่า – that needs to be said (made clear, pointed out)

 

นี่เป็นความคิดของแม่ – This was my mother’s idea.

 

 ไม่ใช่ความคิดฉัน – Not mine.

 

 

แล้วถ้าแม่คิดว่า – If my mom thinks that..

 

ฉันจะเขียน “ความรู้สึก”  ของฉัน – I’m going to write about my ‘feelings’..

 

หรืออะไร  ทำนองนั้น – or any other gushing nonsense

 

ลงในนี้ละก็ – in this book, well.. 

 

แสดงว่า – then it shows that

 

แม่เพี้ยนไปแล้ว – my mother has gone mad

 

เพราะฉะนั้น  s

อย่ามาหวังซะ  ให้ยากว่าฉันจะ – don’t get your hopes up/expect to see me 

 เขียนว่า  “ไดอารี่ที่รัก”  – writing ‘dear diary’ this

อย่างนั้น “ไดอารี่ที่รัก”  อย่างนี้ – or ‘dear diary’ that

 

 

เหตุผลเดียวจริงๆ – And the main reason… 

 

ที่ฉันยอมเขียนก็คือ – I’ve agreed to write this is .. 

 

ฉันเกิดคิดได้ว่า -I realized that 

 

อีกหน่อยพอฉันรวย – before long I will be rich

 

และมีชื่อเสียงแล้วนะ – and famous..

 

ฉันก็จะได้ไม่ต้อง – I won’t have to 

 

มาคอยตอบคำงี่เง่าวันไงละ – wait around answering stupid questions 

 

Reporter A – “เกรกอรี่! ช่วยเล่าเรืองสมัยเด็กใ้ห้เราฟังหน่อย!”

 – Gregory ! Please tell us all about your childhood!

 

Reporter B – “วุ้ย คุณนี่ ทั้งหล่อทั้งฉลาดมาตั้งแต่เกิดเลยเหรอค้า”

-Oooh, have you always been this handsome and clever?

 

Greg – “เิอ้านี่บันทึกประจำวันของผมเอาไปอ่านซะ”

-Here, just go read my journal.

 

สมุดเล่มนี้จะช่วยได้มากเลย – See, this book will be a big help.  

 

 

 

แซ้บ-tastic – Wikipedia

Excerpt from Wikipedia –

แซ้บ เป็นศัพท์สแลงที่ใช้เรียกเยาวชนระดับล่างในจังหวัดเชียงใหม่ที่มีพฤติกรรมหยาบคายก้าวร้าว

 

 

  • ศัพท์สแลง – slang
  • เยาวชน (ยา วะ ชน)  – youth
  • ล่าง         – low
  • มีพฤติกรรม – behavior
  • หยาบคาย  – rude
  • ก้าวร้าว     – aggressive

 

A few characteristics common among แซ้บ-ologists:

 

แซ้บมักจะมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้

 

  • มีการแต่งตัวแตกต่างไปจากคนปกติซึ่งดูแล้วเชยแต่ตนเองและกลุ่มจะเข้าใจว่าเท่
  • ขี่มอเตอร์ไซค์ที่ดัดแปลงท่อไอเสียจนเสียงดัง สร้างความรำคาญแก่ผู้อื่น
  • พกพาอาวุธติดตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะมีด ดาบ รวมทั้งอาวุธที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง

 

  • มักจะ – usually
  • ดังต่อไปนี้ – as follows
  • แต่งตัว     – to wear; to dress
  • แตกต่าง  – to be different
  • เชย        – unfasionable
  • แต่ตนเองและกลุ่ม but amongst/to themselves
  • จะเข้าใจว่าเท่    its considered cool
  • ดัดแปลง     – modify/upgrade
  • ท่อไอเสีย    – exhaust pipes busted/worn-out
  • เสียงดัง      – loud
  • สร้างความรำคาญ – causing annoyance
  • แก่ผู้อื่น         – for others
  • พกพาอาวุธ – carry weapons/be armed
  • เสมอ       – always
  • โดยเฉพาะ  – especially
  • มีด     – blades
  • ดาบ  –  sword  
  • รวมทั้งอาวุธ – including weapons.. 
  • ที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง – anything they can come up with